เตือน 'ครอบครอง' สื่อลามกอนาจารเด็กผิดกฎหมายค้ามนุษย์

เตือน 'ครอบครอง' สื่อลามกอนาจารเด็กผิดกฎหมายค้ามนุษย์

 

เตือน'ครอบครอง'สื่อลามกอนาจารเด็กผิดกฎหมายค้ามนุษย์ ระบุสหรัฐฯปรับไทยขึ้นเทียร์2 จากปราบค้ามนุษย์ได้ผลส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น!

นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ ผู้อำนวยการกองต่อต้านการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่ารายงานจากประเทศสหรัฐอเมริกาได้ยกระดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในประเทศไทย จากระดับเทียร์ 2 ที่ต้องจับตามอง มาเป็นเทียร์2 แม้ว่าจะไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับเรื่องเศรษฐกิจหรือการส่งออกของประเทศ แต่จะทำให้คู่แข่งทางการค้านำมาเป็นประเด็นในการกีดกันทางการค้าได้ ดังนั้นหากเรามีการปรับระดับไปในทางที่ดีขึ้นก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศเรา การกีดกันก็น้อยลง

สหรัฐฯ ได้ให้คำแนะนำในการทำงานเชิงป้องกันให้มากขึ้นกระทรวงฯ จึงเน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น มีการประกวดสติ๊กเกอร์ไลน์ต่อต้านการค้ามนุษย์ มีการทำแบนเนอร์ และคิวอาร์โค้ดเพื่อติดต่อกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้สะดวก รวดเร็วและมีศูนย์ hotline 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคมจากการค้ามนุษย์ ขณะที่ในเชิงการดำเนินคดีจะพัฒนาระบบมาตรฐาน สร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังในการต่อต้านปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อสร้างความมั่นใจกับนานาประเทศ โดยได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญและชุดเผชิญเหตุพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ภายใต้การอำนวยการของรัฐบาล พลเอกประยุท์ จันทร์โอชา นายกรัฐมตรี พร้อมด้วยพลเอกประวิทย์ วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์

“กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ถือเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อ ได้มีการจัดตั้งสถานคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ 8 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นชาย 4 แห่งและหญิง 4 แห่ง ผู้เสียหายจะได้รับเงินเยียวยาจากกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย เช่น ได้รับอนุญาตให้อยู่ในเมืองไทยได้ถูกต้องตามกฎหมายและทำงานได้ชั่วคราวในระหว่างดำเนินคดีก็สามารถทำงานหารายได้ไปให้ครอบครัว ทั้งนี้หลังประกาศให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ และได้เพิ่มความเข้นข้นในการปราบปรามขบวนการการค้ามนุษย์อย่างเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะการจับขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่หรือผู้มีชื่อเสียงมากขึ้น โดยในส่วนของผู้กระทำความความผิดพบว่าเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และ 75 เปอร์เซ็นต์เป็นคนไทยที่จัดหาเหยื่อมาล่วงละเมิดทางเพศให้เพศชาย โดบพบว่ามีผู้เสียหายสูงสุดถึง1,000คนในปี2558 และลดลงเป็น 450 คนในปีนี้”นางสาวสุนีย์ ศรีสง่าตระกูลเลิศ กล่าว

ด้านพลตำรวจเอกธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ที่ปรึกษา (สบ 10) ฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) กล่าวว่าการค้ามนุษย์แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือการค้ามนุษย์ทางเพศ ประกอบไปด้วยการค้าประเวณี การผลิตสื่อลามก การให้บริการทางเพศประเภทอื่นๆ เช่น นั่งดริ๊งค์ พาร์ทเนอร์ ซึ่งกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มใหญ่ในประเทศ นับเป็น 75เปอร์เซ็นต์ของการค้ามนุษย์ทั้งหมด กลุ่มที่สองคือการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ใช้แรงงานหรือบริการ อยู่รวมในการประมง อุตสาหกรรม โรงงานและผู้ประกอบการ กลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มทาส นำเหยื่อมาเป็นขอทาน ตัดอวัยวะเพื่อการค้าหรือเพื่อการขูดรีด 

“ในส่วนของสื่อลามกอนาจารที่กระตุ้นความต้องการทางเพศ ผู้ครองครอง ผลิตหรือเผยแพร่ การบังคับ ขืนใจหรือหลอกลวงบุคคลที่มีอายุมากกว่า18ปีขึ้นไปเข้ามาอยู่ในสื่อลามกก็ถือเป็นการค้ามนุษย์อีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนของเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปีไม่ว่าเต็มใจหรือขืนใจก็ถือว่าผิดฎหมายเช่นกัน ทั้งนี้หากพบเจอหรือสุ่มเจอสื่อลามกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยาวชนบนโทรศัพท์ส่วนตัวของประชาชนก็นับว่าผิดกฎหมายเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน7ปี หากมีการส่งต่อสื่อลามกโทษก็จะยิ่งหนักกว่าเดิม  ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการทางสหรัฐที่ต้องการลงอุปสงค์หรือผู้ค้าสื่อลามก มีการเชื่อมโยงข้อมูลสำคัญกับประเทศสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับเด็กหายและเด็กที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งในคลังข้อมูลจะมีการอัพเดตอยู่ตลอดว่ามีเด็กจากประเทศไทยที่โดนล่วงละเมิด หรือสูญหายไปเป็นจำนวนเท่าใด นอกจากนี้การค้ามนุษย์ออนไลน์โดยการใช้กรุ๊ปไลน์ลับเพื่อค้าประเวณีก็เป็นอีกช่องทางที่ทางตำรวจให้ความระมัดระวังตรวจตรา และสอดส่องดูแลอยู่เสมอ  นอกจากนี้ ได้จัดสื่อต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อนำไปเผยแพร่ในทุกสายการบินของประเทศไทย เพื่อรณรงค์ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในประเทศไทย เผยแพร่ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาจีน และอีกมากมายเพื่อลดจำนวนผู้ค้าในประเทศ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้วิธีการลดอุปสงค์ในการดำเนินคดีกับผู้ซื้อบริการทางเพศ ผู้เสพ หรือผู้ซื้อประเวณีเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมาดำเนินคดีแล้วเกือบ 200 คดี ในความผิดร้ายแรง”พลตำรวจเอกธรรมศักดิ์ วิชชารยะ กล่าวทิ้งท้าย