APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน

APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน

APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน เดินหน้ารุกงานที่ปรึกษาการเงิน ให้กลุ่ม CLMV เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย

แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์” หรือ APM ประกาศปรับโครงสร้างองค์กร จัดทัพครั้งใหญ่ เตรียมตั้ง APM  Academy รองรับการเติบโตในอนาคตและขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกด้าน และสร้างโอกาสสู่ความสำเร็จทางด้านธุรกิจไปควบคู่กัน พร้อมรุกธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทในกลุ่ม CLMV ที่มีศักยภาพ เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 

ดร.สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2564 ที่ผ่านมา APM ได้ปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการเติบโต และสร้างองค์กรสู่ความยั่งยืนในอนาคต ควบคู่ไปกับการเติบโตของตลาดทุนไทย ด้วยการพัฒนาบุคลากรที่มีความพร้อม มีประสบการณ์ และทำงานอย่างเป็นมืออาชีพ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีความหลากหลาย มีความซับซ้อนในเชิงธุรกิจมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการนำเสนอนวัตกรรมและเครื่องมือทางการเงินแบบใหม่ที่ทันสมัย เพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการลงทุนและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เสมือนเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่พร้อมเดินเคียงข้างไปกับลูกค้า เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดของลูกค้าได้ พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะจัดตั้ง APM Academy ซึ่งจะเป็นสถาบันฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรที่ประกอบวิชาชีพที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณ ให้มีความรู้ความสามารถ รู้เท่าทันสถานการณ์โลกการลงทุนในทุกรูปแบบ โดยจะพัฒนาหลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงินร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินในอนาคตอย่างเป็นระบบ

APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน

นอกจากการพัฒนาบุคลากรให้สอดรับการสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว APM ยังเตรียมจัดสรรบุคลากร เพื่อรองรับการขยายงานด้านที่ปรึกษาทางการเงินไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่มีความพร้อมและศักยภาพ ภายใต้กฎเกณฑ์การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งในรูปแบบ Dual-listed Company และ Secondary Listing Company ซึ่งถือว่าจะเป็นประโยชน์ ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณหลักทรัพย์ รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Capitalization) จนทำให้ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าที่สูงขึ้นและเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน อีกทั้งจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลายเป็นศูนย์กลางการระดมทุนของบริษัทในกลุ่ม CLMV ได้ในอนาคต

APM ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้าให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขับเคลื่อนภาคธุรกิจให้สามารถแข็งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ APM มีการพัฒนาองค์กรและบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความยั่งยืน และเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงการผลักดันธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินให้กับกลุ่มประเทศ CLMV จนทำให้ตลาดหุ้นไทยเป็นศูนย์กลางการระดมทุนระดับภูมิภาค” ดร.สมภพ กล่าว 
 

APM จัดทัพองค์กรครั้งใหญ่ ตั้ง APM Academy รองรับการเติบโตสู่ความยั่งยืน

สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวถึง ภาพรวมของ APM ปี 2565 ว่า APM ยังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าในทุกกลุ่ม ทั้ง IPO การปรับโครงสร้างหนี้ การหาแหล่งเงินทุน รวมถึงการควบรวมกิจการและการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และการประเมินมูลค่าหุ้นหรือกิจการ ตลอดจนได้ศึกษารายละเอียดของธุรกิจและเครื่องมือทางการเงินอื่น เช่น กลุ่ม Digital Asset เพื่อให้คำแนะนำกับลูกค้า เพื่อก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า

ขณะที่ ปีนี้คาดว่า APM จะสามารถยื่นแบบไฟลิ่งเพื่อขอนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3-4 ราย ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนกระดาน 3 หรือ Live Exchange นั้น ถือว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจของกลุ่ม Startups และ SMEs ซึ่ง APM ได้มีส่วนร่วมในการให้คำแนะนำกับกลุ่ม Start Ups และ SMEs ในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดข้างเคียง ร่วมกับหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งถือเป็นบทบาทสำคัญที่จะมีส่วนช่วยพัฒนากลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก สำหรับปูทางเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอนาคต

“สถานการณ์โควิด อาจจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทที่เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์บ้าง แต่สุดท้ายเมื่อบริษัทมีความต้องการใช้เงินทุน การเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ถือว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการระดมทุนและขยายโอกาสในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ซึ่งแต่ละบริษัทจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านๆ รวมถึงการปรับรูปแบบการจัดทำงบการเงินให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้ปี 2567 ด้วย” สมศักดิ์ กล่าว