7 เม.ย. วันอนามัยโลก ซีพีเอฟ ร่วมสร้างสุขภาพที่ดี หนุนคนไทยเข้าถึงอาหารปลอดภัยอย่างเท่าเทียม
7 เมษายนของทุกปี เป็น วันอนามัยโลก ซีพีเอฟ เดินหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มุ่งเน้นคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย
7 เมษายน ของทุกปี ถือเป็น วันอนามัยโลก (World Health Day 2022) บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ในฐานะผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรระดับโลก เดินหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มุ่งเน้นคุณค่าทางโภชนาการ เพื่อสุขภาพและสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย พร้อมมีส่วนร่วมดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นต้นทางของการผลิตอาหาร นำไปสู่ระบบผลิตอาหารที่ยั่งยืน เพื่อร่วมสนับสนุนให้ทุกคนสามารถเข้าถึงอาหารปลอดภัยได้อย่างเท่าเทียม และเพียงพอ
ดร.ลลานา ธีระนุสรณ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านนวัตกรรมและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการทุ่มเท คิดค้น วิจัยและพัฒนาอาหารด้วยความใส่ใจในความปลอดภัยและมีคุณภาพมาตรฐานสากลทุกขั้นตอน ตลอดจนตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดกับสุขภาพที่ดีของผู้บริโภค ควบคู่กับการดูแลสมดุลสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิตให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สอดคล้องกับคำขวัญของวันอนามัยโลกในปีนี้ "Our Planet, Our Health"
"ในสถานการณ์และปัจจัยท้าทายรอบด้านในปัจจุบัน แนวคิด You are what you eat คือ กินอาหารอย่างไร ร่างกายก็จะเป็นอย่างนั้น จะกระตุ้นให้ทุกคนดูแลสุขภาพและและปกป้องสิ่งแวดล้อม เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรและสุขภาพที่ดีของโลกในอนาคต" ดร.ลลานา กล่าว
ในฐานะผู้นำด้านการผลิตอาหารส่งมอบให้ผู้คนกว่า 4 พันล้านคน ใน 40 ประเทศทั่วโลก ซีพีเอฟ มีกลยุทธ์ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร เพื่อตอบโจทย์ความสามารถในการเข้าถึงอาหารของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม และทุกช่วงวัย โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหาร หรือ CPF RD Center เป็นศูนย์กลางศึกษาและสร้างสรรค์ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าโภชนาการ รสชาติดี และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก
CPF RD Center ไม่เพียงศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานที่หลากหลายรูปแบบ ยังทำการศึกษาวิจัยเชิงลึกเพื่อตอบสนองวิถีปกติใหม่ (New Normal) ที่ผู้บริโภคต้องการความสะดวก สบายรวดเร็วและสุขอนามัยที่ดี ตลอดจนผสานความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญในระดับประเทศและระดับโลกจนประสบความสำเร็จกับนวัตกรรมเนื้อจากพืช (PLANT-TEC Innovation) ซึ่งเป็นเทคนิคการผลิตอาหารจากพืชที่ใส่ใจในการสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมภายใต้แบรนด์ Meat Zero ที่มีรสสัมผัสและรสชาติอร่อยเหมือนเนื้อสัตว์ มีโปรตีนจากพืชและสารอาหารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่มีคอเลสเตอรอล ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั้งกลุ่มวีแกน กลุ่มมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) รวมถึงผู้รักสุขภาพทั่วโลก
ดร.ลลานา กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า โปรตีนทางเลือกเป็นเทรนด์อาหารแห่งอนาคต ที่ดีต่อสุขภาพ และมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน นอกจากผลิตอาหารจากพืช บริษัทฯ ยังไม่หยุดพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์โปรตีนทางเลือกใหม่ๆ โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญและสตาร์ทอัพทั่วโลก เพื่อคิดค้นนวัตกรรมอาหารที่มีคุณภาพและรสสัมผัสที่ดีเหมือนเนื้อสัตว์มากขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยี Tissue Culture เพื่อผลิตอาหาร ปัจจุบันมีความคืบหน้าตามแผน เพื่อต่อยอดเป็นนวัตกรรมอาหารโปรตีนทางเลือกที่หลากหลายรูปแบบในราคาที่ผู้บริโภคทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้
รวมถึงคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มใส่ใจต่อสุขภาพมากขึ้น อาทิ สารสกัดจากธรรมชาติทดแทนสารปรุงแต่งอาหารสังเคราะห์ งานวิจัยเกี่ยวกับจุลินทรีย์โพรไบโอติก (probiotic) เพื่อต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างสมดุลในลำไส้ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ตระหนักดีถึงโครงสร้างประชากรของโลกที่เข้าสู่สังคมสูงวัย เป็นอีกหนึ่งความท้าทายและโอกาสในการคิดค้นอาหารที่มีคุณสมบัติอ่อนนุ่ม รับประทานง่าย สำหรับผู้ที่มีปัญหาการบดเคี้ยวหรือกลืนลำบาก มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสม หลากหลาย รสชาติดีและสะดวกสบาย
"จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบการผลิตอาหารและพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์ในอนาคต ซึ่ง ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในการคิดค้นและพัฒนาอาหารตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ สร้างหลักประกันในการการเข้าถึงอาหารอย่างเพียงพอของประชากรโลก" ดร.ลลานา กล่าวทิ้งท้าย