สสว. เปิดให้บริการระบบ “SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ”
สสว. เปิดให้บริการระบบ
“SME One ID : หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ”
ตั้งเป้าช่วย SME 1 ล้านรายเข้าระบบ ภายในสิ้นปี 65
หนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา คือการมุ่งยกระดับหน่วยงานภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล ด้วยเป้าหมายการทำงานแบบอัจฉริยะและการให้บริการที่มีประชาชนและภาคธุรกิจเป็นศูนย์กลาง เพื่ออำนวยความสะดวก สร้างความโปร่งใส และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับภาคธุรกิจไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือ SME ที่ถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจในหลากหลายด้าน
นายวีระพงศ์ มาลัย
ผู้บริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ในปี 2565 รัฐบาลกำหนดให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการขับเคลื่อนงานให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์(e-Service) เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ของภาครัฐได้โดยสะดวก หนึ่งในงานสำคัญคือการมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)พัฒนาระบบ“หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (SME One ID)”ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการผู้ประกอบการ SME ไทยโดยผู้ประกอบการสามารถใช้หมายเลข ID เดียวในการเข้าถึงบริการของภาครัฐ ที่บูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่ออำนวยความสะดวก และลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารซึ่งเป็นต้นทุนและอุปสรรคสำคัญในการขอรับใบอนุญาตและการส่งเสริมจากหน่วยงานของรัฐเช่นที่ผ่านมาเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ที่มีมากกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้สะดวกมากขึ้น
สำหรับการดำเนินงาน สสว. ได้ร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGAทำการพัฒนาระบบทะเบียนและการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ประกอบการSME ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่มีภารกิจให้บริการผู้ประกอบการ SMEเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบฐานข้อมูล SME One ID ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้ารับบริการกับหน่วยงานรัฐโดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนใหม่ และที่สำคัญผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงบริการและโครงการต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างสะดวก รวดเร็วโดยไม่ต้องรอการยืนยันเอกสารเช่นรูปแบบเดิม
ทั้งนี้ การลงทะเบียน SME One IDสามารถดำเนินการผ่านช่อง2ทางหลักคือแอปพลิเคชั่น SME CONNEXTซึ่งเป็นระบบบริการรูปแบบออนไลน์หลักของ สสว.และระบบ Biz Portal บนเว็บไซต์ https://bizportal.go.thซึ่งเป็นแพลตฟอร์มกลางที่มีการรวบรวมข้อมูลและบริการของหน่วยงานต่างๆ เพื่อภาคธุรกิจที่มีอยู่แล้วเข้าไว้ด้วยกัน และปรับใช้ระบบ Digital ID ของDGA เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนที่มีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลสำหรับเข้าใช้บริการของส่วนราชการ
โดยการลงทะเบียน SME One ID จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการครอบคลุมในด้านต่าง ๆ เช่นช่วยให้เข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐได้รวดเร็ว ลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลรวมถึงการจัดเตรียมเอกสารเมื่อเข้ารับบริการกับหน่วยงานภาครัฐเกิดความสะดวกในการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ขณะเดียวกันยังเป็นประโยชน์กับหน่วยงานต่างๆ เนื่องจากระบบจะทำการเชื่อมข้อมูลระหว่างหน่วยงานของผู้ประกอบการที่มาลงทะเบียน เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลผู้ประกอบการที่ถูกต้องและมีความ update ที่สุด
ที่สำคัญผู้ประกอบการ SME ที่ลงทะเบียน SME One ID จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ สสว. และหน่วยงานภาคีเครือข่ายการส่งเสริม SME ทั้งภาครัฐและเอกชนดำเนินการร่วมกันตัวอย่างเช่นสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. กระทรวงสาธารณสุข จะจัดทำ “SME Fast Lane” สำหรับ SME ที่ลงทะเบียน SME One ID ให้สามารถรับบริการต่างๆ ของ อย. ได้อย่างรวดเร็วซึ่งจะเริ่มนำร่องในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายสิ้นปีนี้ ก่อนจะขยายไปทุกจังหวัดในระยะต่อไป เช่นเดียวกับผู้ประกอบการ SME ที่เป็นคู่ค้ากับห้างค้าปลีกรายใหญ่ อาทิ The Mall เครือ CP ฯลฯ จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลด Credit Term จาก 45 วัน เหลือน้อยกว่า 30 วัน อีกด้วย
อย่างไรก็ดีสสว. ได้หารือและเตรียมการขยายการเชื่อมโยงและพัฒนาสิทธิประโยชน์เพื่อผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน SME One ID อย่างต่อเนื่อง อาทิ จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ผลักดันให้เกิดช่องทางพิเศษในการบริการยื่นขอใบอนุญาตแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียวเช่น ใบอนุญาตทำธุรกิจเฉพาะ หรือการลงทะเบียนแรงงาน เป็นต้นทั้งนี้ สสว. ตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2565 นี้จะมีผู้ประกอบการ SME ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลขึ้นทะเบียนระบบ SME One ID (ทำการพิสูจน์และยืนยันตัวตน) ไม่น้อยกว่า 1 ล้านราย
นอกจากนี้ สสว. กำลังดำเนินการศึกษาการจัดทำ GDP SME รูปแบบใหม่ในลักษณะ Bottom up และการเก็บข้อมูลในรูปแบบ Time Series เพื่อการวิเคราะห์ และประมวลผล ให้สามารถสะท้อนถึงทิศทางหรือแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SME ไทยได้ดียิ่งขึ้น และจะเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการกำหนดทิศทาง นโยบาย และมาตรการส่งเสริมSME ที่เป็นประโยชน์ ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการได้มากขึ้น รวมถึงเกิดการใช้ประโยชน์ข้อมูลร่วมกันของหน่วยงานต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต
-------------------------------------------------------------------------
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่:
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
นายปริญญา เลื่อนชิด ส่วนติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์
ฝ่ายวิเคราะห์สถานการณ์และเตือนภัยทางเศรษฐกิจ
โทรศัพท์ : 02 298 3067,02 298 3210E-mail: [email protected]