เบอร์ดี้ รักษ์โลก ลดขยะพลาสติกและขยะอาหารเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
เบอร์ดี้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดขยะพลาสติกและขยะอาหาร สะท้อนความมุ่งมั่นของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะทั่วโลก ที่ต้องการจะบรรลุเป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงให้ได้ 50% ภายในปี 2030
เบอร์ดี้ 3อิน1 แบรนด์กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ภายใต้ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดขยะพลาสติกและขยะอาหาร สะท้อนความมุ่งมั่นของ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ ทั่วโลก ที่ต้องการจะบรรลุเป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงให้ได้ 50% ภายในปี 2030 พร้อมเดินหน้ากิจกรรมทางธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติและตลอดกระบวนการผลิต
จากข้อมูลของกรมมลพิษ พบว่า ในปีที่ผ่านมาคนไทยสร้างขยะกันมากถึง 24.98 ล้านตันต่อปี เลยทีเดียว โดยขยะมูลฝอยที่พบเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ได้แก่ ขยะพลาสติก (Plastic waste) และ ขยะอาหาร (Food waste) ด้วยตระหนักถึงปัญหาขยะดังกล่าวนี้ และมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น เพื่อร่วมสร้างอนาคตสังคมปลอดขยะ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ จึงริเริ่มหาแนวทางที่จะช่วยลดจำนวนขยะที่เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการนำแนวคิดเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์
โดย เบอร์ดี้ 3อิน1 ได้ดำเนินการในเรื่องการลดพลาสติกที่ใช้ในบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์โดยเลือกใช้วัสดุที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ง่าย พร้อมทั้งปรับขนาดซองกาแฟให้สั้นลง ลดความหนาของชั้นพลาสติกที่ใช้ในถุงด้านนอกและซองกาแฟให้บางลง แต่ยังคงรักษาปริมาณและคุณภาพของสินค้าไว้ได้ดีเช่นเดิม และยกเลิกการใช้ถุงพลาสติกพอลิเอทิลีน (PE Bag) สำหรับห่อหุ้มแพ็กบรรจุภัณฑ์ภายนอก ทำให้สามารถช่วย ลดปริมาณการใช้พลาสติกในการผลิตลงได้กว่า 39 ตัน/ปี หรือ เทียบเท่าขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร กว่า 1,200,000 ขวด นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังร่วมศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างมูลค่าให้กับกากกาแฟที่เหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต "เบอร์ดี้ 3อิน1" โดยได้ทดลองนำไปผสมเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงหมูได้สำเร็จ พร้อมทั้งสามารถส่งกลับคืนสู่ภาคปศุสัตว์เพื่อช่วยเกษตรกรฟาร์มเลี้ยงหมูในด้านการลดต้นทุนจากการนำไปใช้ผสมเป็นอาหารให้หมูในระยะยาวได้ต่อไป นับเป็นการช่วยลด ขยะอาหาร ที่เกิดจากกระบวนการผลิตได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย โดยให้ความสำคัญในการส่งมอบคุณค่าผ่านผลิตภัณฑ์ที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคไปพร้อมๆ กับการดูแลใส่ใจปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่การเป็น "กลุ่มบริษัทผู้ส่งมอบแนวทางการแก้ปัญหาและนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ" ภายใต้แนวทางการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม (The Ajinomoto Group Creating Shared Value: ASV) ซึ่งเป็นสิ่งที่อายิโนะโมะโต๊ะยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในการดำเนินงานเสมอมา