EEC Academy เสนอ กทม. ผนึกทุกภาคส่วนทำ ECO District Sandbox
EEC Academy เสนอ กทม. ผนึกทุกภาคส่วนทำ ECO District Sandbox ดึงสองศูนย์วิจัยเครือ MQDC นำนวัตกรรมเข้าร่วม เตรียมโชว์เคสที่งาน Nova BUILD EXPO 2023
21เมษายน 2566 อีอีซี อะคาเดมี (EEC Academy) เสนอ กรุงเทพมหานคร ทำโปรเจกต์ความร่วมมือกับ 4 ภาคส่วน รัฐ เอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ทดลองนำนวัตกรรมเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีมาพัฒนาคุณภาพชีวิตคนเมืองอย่างเป็นรูปธรรมในรูปแบบ Sandbox เริ่มที่ย่านสุขุมวิทใต้ และดิ เอ็มดิสทริค เป็นที่แรก โดยได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรมต่างๆ อาทิ ผลงานจากศูนย์วิจัยต่างๆ ภายใต้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) อย่างศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (RISC by MQDC) และศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา (FutureTales Lab by MQDC) เป็นต้น รวมถึงองค์กรแห่งการเรียนรู้ (OKMD) มาใช้ออกแบบและพัฒนาย่านทดลองดังกล่าวให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์ของการจัดการระบบนิเวศในพื้นที่เฉพาะ (Eco District Sandbox)
ความคิดริเริ่มดังกล่าวเกิดขึ้นจากการระดมแนวคิดในเสวนาพิเศษ "Why the city needs ESI Thinking Power? ทําไมสังคมเมืองถึงต้องการพลังความคิด ด้านสิ่งแวดล้อมความยั่งยืนและ นวัตกรรมยกระดับคุณภาพชีวิต?" ณ งานแถลงข่าวเปิดตัวงาน Nova BUILD EXPO 2023 นำโดย ดร.เกชา ธีระโกเมน ผู้อำนวยการ EEC Academy และประธานกรรมการบริหาร EEC Engineering Network, ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และรศ. ดร. สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา ศูนย์ RISC by MQDC จัดขึ้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ในช่วงเสวนาพิเศษ ดร.เกชา เสนอให้ร่วมมือกันระหว่าง 4 ภาคส่วน จัดทำโครงการ Eco District Sandbox เพื่อเป็นสนามทดลองนำองค์ความรู้งานวิจัย และนวัตกรรม มาพัฒนาขึ้นเป็นโครงการตัวอย่างเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง พร้อมให้นำไปประยุกต์ใช้ต่อไป ซึ่ง ดร.ชัชชาติ ตอบรับเป็นเจ้าภาพในการประสาน ทุกฝ่าย ให้มาหารือกันต่อไป เพื่อเริ่มลงมือทำแผน sandbox ให้เกิดขึ้นจริงทันที
โดยย่านที่จะเริ่มดำเนินการดังกล่าว ได้แก่ ย่านสุขุมวิทใต้ ซึ่งเป็นย่านที่ทางกทม. ร่วมมือกับทุกภาคส่วนกำหนดให้เป็นย่านนวัตกรรม (Innovation District) ตามนโยบายพัฒนาเมืองของ กทม. ด้วยความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และ MQDC ซึ่งมีโครงการที่ชูนวัตกรรมเป็นหลักในพื้นที่หลายโครงการ อาทิ โครงการคลาวด์ อีเลฟเว่น (Cloud 11) โครงการ 101 True Digital Park และโครงการ True Digital Park I และ II และอีกโลเคชันที่กำหนดเป็น Sandbox แรกของความร่วมมือนี้คือ ดิ เอ็มดิสทริค ซึ่งเป็นที่ตั้งห้างสรรพสินค้า Emquartier และ Emporium เนื่องจากทั้งสองย่านล้วนเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมเข้าร่วม Sandbox ทันที
โครงการ Sandbox นี้จะเน้นแก้ไขปัญหาใหญ่ 6 เรื่อง ได้แก่ การใช้พลังงานอาคารสะอาด (Green Energy) การกำจัดฝุ่นขนาดเล็กหรือ PM 2.5 การคัดแยกขยะ การจัดการขยะ การควบคุมน้ำท่วม การบำบัดน้ำเสีย และการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ซึ่งการชูประเด็นเหล่านี้ เพื่อวางแนวทางไปสู่การทะลายข้อจำกัดทางด้านกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ด้วย Green Regulations เพื่อให้สามารถนำนวัตกรรม มาปฏิบัติได้จริง และนำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอนได้
รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษา RISC by MQDC กล่าวว่า โครงการ sandbox ดังกล่าวนี้สามารถทำได้ทันที โดย RISC by MQDC เอง พร้อมที่จะสนับสนุนโดยการอนุเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวกับการพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นตาม ปรัชญาของ MQDC อย่าง For All Well-Being ทาง RISC by MQDC มีกลุ่มงานวิจัยที่พร้อมใช้ทันที อาทิ 5 Research Hubs for Well-being ประกอบด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ (Plants & Biodiversity) คุณภาพอากาศ (Air Quality) ศาสตร์แห่งความสุขเชิงวิทยาศาสตร์ (Happiness Science) วัสดุและการใช้ทรัพยากร (Materials & Resources) ศาสตร์ความพร้อมรับมือ (Resilience) รวมถึงงานวิจัยที่จำเป็นอื่นๆ อีกมากมาย เนื่องจาก MQDC ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ RISC ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาตลอด 30 ปีที่ก่อตั้งมา จึงทำให้ศูนย์วิจัยต่างๆ ภายใต้ MQDC รวมทั้ง RISC มีผลงานวิจัยและนวัตกรรมมากมายที่คิดค้นขึ้นมาใช้งานจริงในโครงการต่างๆ ของบริษัทอยู่แล้ว
ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการบริหาร FutureTales Lab by MQDC เผยว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้น จากวิกฤติ ในวันนี้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงขั้นวิกฤติ เป็นสิ่งที่ทุกคน ต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพื่ออนาคตของคนรุ่นต่อๆ ไป ทั้งนี้จากการศึกษาวิจัยโดย FutureTales Lab by MQDC เกี่ยวกับสภาวะเมืองใหญ่ และการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองในอนาคต พบว่า โอกาสที่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร จะประสบกับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ ที่ส่งผลต่อ คุณภาพชีวิตของผู้คนอย่างหนักหน่วงมีสูงมาก หากปัญหาสิ่งแวดล้อม การปล่อยมลพิษ การจัดผังเมือง การใช้ทรัพยากรต่างๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ในขณะนี้ FutureTales Lab by MQDC ได้ร่วมมือในการพัฒนาโปรเจกต์ฮับ ข้อมูลสภาพแวดล้อมหรือ Urban Hazard Studio กับ ทาง ESRI Thailand ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยมีเป้าหมายในการนำข้อมูลมา วิเคราะห์ ประเมิน และเผยแพร่ เพื่อให้ประชาชนและสังคมเกิดความตระหนักรู้และ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ในอนาคตของประเทศต่อไป โดยเริ่มต้นจากทำการ ศึกษาภัยจากน้ำท่วมบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เป็นประโยชน์ทั้งต่อประชาชน สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะยาว
"เราต้องใช้นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อสร้างโลกที่น่าอยู่ให้ลูกหลาน และเจเนอเรชันในอนาคต" ดร. การดี กล่าว
งานเสวนาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการแถลงข่าวการจัดงาน Nova BUILD EXPO 2023 ซึ่งเป็นงานแสดงนวัตกรรมอาคาร การออกแบบ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง ที่เน้นการชูไอเดียนวัตกรรมอาคารยุคใหม่ เพื่อตอบโจทย์แนวคิด ESI ที่มี 3 มิติสําคัญ ได้แก่ อาคารที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Ecosystem) อาคารที่ส่งเสริมความยั่งยืนของโลกและชุมชน (Sustainability) และอาคารที่ห่วงใยคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยและเพิ่มประสิทธิภาพของอาคารให้ดียิ่งขึ้น (Innovation for Well-being) โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กันยายนนี้ ณ ฮอลล์ 103-104 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา ตามแนวทางของสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุม และนิทรรศการ (องค์การมหาชน) TCEB หรือ สสปน.
สามารถติดตามรายละเอียดงาน Nova BUILD EXPO 2023 ได้โดย คลิก