อิตัลไทยอุตสาหกรรม ส่ง TOP Q บุกตลาดเช่าซื้อเครื่องจักรกลหนักมือสอง
อิตัลไทยอุตสาหกรรม (ITI) ส่งน้องใหม่ ท๊อป ควอลิตี้ แมชชีน แอนด์ พาร์ท หรือ TOP Q รุกชิงเค้กตลาดเช่า–ซื้อ–ขายเครื่องจักรกลหนักมือสองทุกประเภท หลังอุตฯ ก่อสร้างเริ่มฟื้นตัว มั่นใจตอบโจทย์ลูกค้า ตั้งเป้าดันรายได้ปี 66 โต 200%
นายสกนธ์ ศรีวรรณวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม จำกัด หรือ ITI เผยว่า อิตัลไทยอุตสาหกรรม ได้ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ผ่านการจัดตั้ง บริษัท ท๊อป ควอลิตี้ แมชชีน แอนด์ พาร์ท จำกัด หรือ TOP Q ผู้ให้บริการเช่า-ซื้อ-ขาย เครื่องจักรกลหนัก มือสองทุกประเภท เพื่อช่วยขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมได้กว้างยิ่งขึ้นจากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดสินค้ามือหนึ่งเกรดพรีเมียมเป็นหลัก โดย TOP Q มีเครื่องจักรกลหนักมือสองทุกประเภท ตั้งแต่รถขุด รถตัก รถบด รถเกรด รถปูยาง รถบรรทุก ฯลฯ ตลอดจนทีมช่างซ่อมบำรุงที่ผ่านการอบรมจากแบรนด์ผู้ผลิตโดยตรง พร้อมให้บริการทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง
"ตลาดเครื่องจักรกลหนักในไทยยังคงเติบโตควบคู่กับงานก่อสร้างทุกประเภท ทั้งเมกะโปรเจกต์ ก่อสร้างถนน รถไฟฟ้าสายต่างๆ ตลอดจนงานเหมือง โรงโม่ โรงงานอุตสาหกรรมและภาคการเกษตร โดยในส่วนลูกค้าที่ต้องการสินค้ามือหนึ่งทาง ITI สามารถดูแลครอบคลุมทั่วถึงแบบครบวงจร ขณะที่ TOP Q จะเข้าไปทำตลาดเสริมสำหรับลูกค้าที่ต้องการมองหาเครื่องจักรกลหนักมือสองที่มีคุณภาพรวมถึงอะไหล่ทดแทนควบคู่กัน โดยเชื่อมั่นว่านี่จะเป็นอีกตลาดที่โอกาสยังเปิดกว้าง"
นายสกนธ์ กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์สำคัญของ ITI นอกจากขยายฐานลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดแล้ว ยังมุ่งพัฒนาประสิทธิภาพงานบริการหลังการขายให้สอดรับพฤติกรรมลูกค้ายุคใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความรวดเร็ว ทั้งด้านงานขาย งานซ่อมบำรุง รวมถึงงานอะไหล่ให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าทันท่วงที เพราะนี่เป็นสิ่งที่ลูกค้าทั้งในตลาดสินค้ามือหนึ่งและมือสองให้ความสำคัญไม่แพ้กัน
นายบุญมี เพ็ชร์น้อย ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ท๊อป ควอลิตี้ แมชชีน แอนด์ พาร์ท จำกัด หรือ TOP Q เปิดเผยว่า TOP Q สามารถให้บริการเช่า–ซื้อ–ขาย เครื่องจักรกลหนัก แบบครบวงจร ตั้งแต่ให้คำแนะนำการประเมินเครื่องจักรกลหนักที่เหมาะสมกับลักษณะงานและความเสี่ยง โดยมีสินค้าให้เลือกมากกว่า 200 รายการ ใน 2 แบรนด์หลัก คือ วอลโว่และเอสดีแอลจี พร้อมทีมงานช่างผู้เชี่ยวชาญที่จะทำการปรับสภาพรถมือสองด้วยอะไหล่คุณภาพสูง ก่อนจัดส่งถึงมือลูกค้า ตลอดจนให้ความรู้เรื่องการใช้งานและบำรุงรักษา พร้อมการรับประกันสินค้าและมีเครื่องจักรกลหนักทดแทนให้ใช้งานกรณีต้องจอดซ่อมบำรุงด้วย
หลังเปิดดำเนินงานเมื่อปลายปี 2564 ผ่านการทำตลาดในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ ปัจจุบันมีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกค้าที่ทำโครงการเมกะโปรเจกต์ งานเหมือง งานถนน และตั้งเป้าการเติบโตเพิ่มขึ้น 200% ภายในปี 2566 นี้
"นอกจากเรื่องคุณภาพสินค้า อีกจุดเด่นสำคัญที่ตอบโจทย์ลูกค้าคือ ความเร็วในการให้บริการ โดย TOP Q สามารถส่งมอบ เครื่องจักรกลหนัก ได้ถึงมือลูกค้าทั่วประเทศภายใน 3 วัน หลังแจ้งความจำนง นอกจากนี้ยังมีบริการรับซื้อ หรือเทรดอินเครื่องจักรกลหนักของลูกค้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับสินค้าใหม่ โดยให้ราคาสูงหรือเทียบเท่าราคาตลาดอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าแสดงความสนใจในบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และเราพร้อมเข้าไปให้บริการได้ในทุกพื้นที่ทั่วไทย" นายบุญมี กล่าวเสริม