DTP เผยทิศทางธุรกิจการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

DTP เผยทิศทางธุรกิจการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

DTP เดินหน้าลงทุนขยายฐานการลงทุนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เน้นอสังหาฯ คุณภาพที่ดำเนินการอยู่แล้วพร้อมรับรู้รายได้และสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ ชูกลยุทธ์พร้อมปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ยึดหลักการทำธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นายหรรสา สุสายัณห์ ประธานกรรมการบริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอร์รัส จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 นี้ กลุ่มบริษัท DTP ปรับกลยุทธ์การบริหารธุรกิจของกลุ่ม DTP ใหม่ โดยจะเน้นไปที่ global investment, asset management และ funds management เป็นหลัก ซึ่งเป็นการปรับจากเดิมที่เคยให้น้ำหนักกับการร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม การปรับกลยุทธ์ให้เหลือสามส่วนหลักนี้ เป็นการปรับให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกและกระแสการลงทุนของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างรายได้ให้ DTP ไปจนถึงกลุ่มบริษัทแม่อย่าง DTGO ได้อย่างยั่งยืน สู่การเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่มั่นคง รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

"ในปีนี้ DTP จะมุ่งเน้นไปที่สามเรื่องหลัก คือ Global Investment ซึ่งเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูงแบบ Brownfield จากทั่วโลก และ Assets Management เน้นการปรับปรุงสินทรัพย์ บริหารสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น การลงทุนและบริหารโรงแรมในสหราชอาณาจักรทั้ง 17 แห่ง เราได้สร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการปรับปรุงสาธารณูปโภค ปรับระบบพลังงานให้มีประสิทธิภาพ และ Funds Management เน้นการระดมทุนในรูปแบบต่างๆ เพื่อหาโอกาสและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในอนาคต ในรูปแบบ Private Equity เช่น การจัดตั้งกอง REIT ในนามบริษัท DTPHREIT ซึ่งในขณะนี้มีโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ (Waldorf Astoria Bangkok) และโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) ที่มีมูลค่ากว่า 4,107 ล้านบาท" นายหรรสา กล่าว

นายหรรสา กล่าวเสริมเกี่ยวกับการขยายธุรกิจในฝั่ง Funds Management ว่า เป็นสิ่งที่กลุ่ม DTP มองหาอยู่เสมอเกี่ยวกับกับการเสริมพอร์ตสินทรัพย์ให้กอง REIT ที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีเงื่อนไขหลักๆ คือ จะต้องเป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพสูง และมีอัตราผลตอบแทนที่จูงใจนักลงทุนเพียงพอ โดยทางกลุ่มกำลังเตรียมความพร้อมเรื่ององค์ความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสภาพตลาด รวมไปถึงทรัพยากรบุคคลที่จำเป็นหากต้องเข้ามาดำเนินการ โดยในปี 2562 กลุ่มบริษัท DTP ได้เริ่มลงทุนในโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) และการเข้าซื้อปรับปรุงระบบการบริหารต่างๆ โรงแรมทั้ง 17 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีห้องพักรวมทั้งหมด 3,383 ห้อง ผ่าน Valor Hospitality Europe Limited ซึ่งเป็นผู้บริหารกลุ่มเชนโรงแรมระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Hilton, Crowne Plaza, IHG, Mariott, Holiday Inn, Hotel Indigo การเข้าซื้อโรงแรมทั้ง 17 แห่ง ในสหราชอาณาจักรในปี 2562 นี้ เป็นหนึ่งในแผนธุรกิจระยะยาว และถือเป็นการนำร่องธุรกิจการลงทุนในต่างแดนของ DTP ซึ่งภายในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ กลุ่มบริษัทฯ เล็งที่จะบุกตลาดในทวีปยุโรป รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา และเอเชียเช่นเดียวกัน 

"ในปี 2565 ได้มีการนำโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) และ Waldorf Astoria เข้าสู่กระบวนการ REIT หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่ากับ บริษัท ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ DTPHREIT ล่าสุดในปี 2567 DTP ได้ประสบความสำเร็จในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 85% ในบริษัทจดทะเบียนบนกระดาน catalist ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ บริษัท พรอสเพอร์แคป คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด (ProsperCap) ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของและผู้บริหารสินทรัพย์โรงแรมในเครือของ DTP ซึ่งตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักรทั้ง 17 แห่ง กิจการโรงแรมดังกล่าวมีรายได้ปี 2566 เติบโตขึ้นราว 12.5% จากปี 2565 มี occupancy rate โดยเฉลี่ยของโรงแรมทั้ง 17 แห่ง ฟื้นตัวกลับมาอยู่ที่ 79.5% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงก่อนวิกฤติโควิด-19 สร้างรายได้ให้กลุ่มบริษัท DTP กว่า 6.8 พันล้านบาท"

กลุ่มบริษัท DTP มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัททั้งหมดรวม 6 ครั้ง เพื่อรองรับกิจการการขยายสู่ต่างประเทศ โดยเริ่มจาก 500 ล้านบาท ในปี 2562 จำนวน 325 ล้านบาท ในปี 2563 จำนวน 200 ล้านบาท ในปี 2564 จำนวน 700 ล้านบาท ในปี 2565 จำนวน 300 ล้านบาท ในปี 2566 และล่าสุดเป็นจำนวน 600 ล้านบาท ในปี 2567 ส่งผลให้มีทุนจดทะเบียนในขณะนี้อยู่ที่ 2,626 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัท DTP เตรียมที่จะออกหุ้นกู้สองรุ่น หุ้นกู้ชุดที่ 1 มีอายุ 2 ปี 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 6.75 - 6.80% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 7.00 - 7.10% ต่อปี และมีบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ค้ำประกันมูลหนี้เต็มจำนวนโดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และผู้ลงทุนรายใหญ่

ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ได้แก่ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ต่อไปนี้ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในระยะเวลาการจองซื้อวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 และวันที่ 4 - 5 มิถุนายน 2567