‘ซีบีอาร์อี’ชี้เทรนด์บ้านปี66ลักชัวรี-ฟังก์ชั่น-คุ้มค่า-ปลอดภัย มาแรง!
เทรนด์ที่อยู่อาศัยน่าจับตามองปี 2566 พบผู้บริโภคต้องการพื้นที่มากขึ้น เน้นความคุ้มค่าและความปลอดภัย ดันดีมานด์บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีร้อนแรง! สวนทางตลาดรวมกำลังซื้อถดถอย
อลิวัสสา พัฒนถาบุตร ประธาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ระบุว่า เทรนด์การพัฒนาโครงการบ้านเกิดจากไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีอยู่ 4 เรื่องหลักที่มีผลต่อการออกแบบที่อยู่อาศัยหลังโควิด-19 เทรนด์แรก คือ “สเปซ” คนต้องการบ้านขนาดใหญ่ มีฟังก์ชั่นที่มากขึ้น แต่ข้อจำกัดคือ ราคาที่ดินแพง ต้นทุนก่อสร้างแพง ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายสำหรับดีเวลลอปเปอร์ในการพัฒนาโครงการ เพราะความต้องแต่ละเซ็กเมนต์ไม่เหมือนกัน
“ถ้าบ้านขนาดเล็กต้องรวมฟังก์ชั่นในห้องให้มีฟังก์ชั่นครบ มีการปรับพื้นที่ให้เป็นมัลติฟังก์ชั่น หรือ มีความยืดหยุ่นในการที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ เช่น ห้องนอนควรจะมีมุมสำหรับการทำงาน การเรียน ครบทุกฟังก์ชั่น แต่ถ้าเป็นบ้านใหญ่สามารถเพิ่มพื้นที่เพราะสามารถขายราคาแพงได้”
เทรนด์ที่สอง “เฮลธ์แอนด์เวลเนส” เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ ตั้งแต่เรื่องของอากาศ คนเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนเริ่มเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากฝุ่น PM2.5 และโควิด -19 ฉะนั้นแนวทางของดีเวลลอปเปอร์ในการพัฒนาโครงการระดับบนหลายรายเริ่มใส่เครื่องกรองอากาศและทำให้อากาศหมุนเวียน นอกจากนี้ ในแง่ดีไซน์ห้องครัวก็มีความสำคัญมากขึ้นในยุคนี้ เพราะคนต้องการมีพื้นที่สามารถทำอาหารได้จริง ต้องการมีครัวไทยเพิ่มนอกเหนือจากส่วนเตรียมอาหารในครัว (Pantry) มีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง
เทรนด์ที่สาม “เทคโนโลยี” สมาร์ทโฮมที่มีฟีเจอร์ใหม่เข้าไปทำให้สมาร์ทมากขึ้น เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก เช่น สั่งปิดเปิดไฟได้ในระยะไกลจากอุปกรณ์ หรือมือถือ หรือถ้าน้ำรั่วจะสามารถรู้ได้ทันที “อีวีชาร์ท” ที่สามารถรู้ได้ว่าชาร์ทได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
และเทรนด์ที่สี่ “ความยั่งยืน” ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และภาวะโลกร้อน ทำให้คนหันมาสนใจการประหยัดพลังงาน นิยมใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น หันมาใช้โซลาร์พาแนล (Solar Panel) แบตเตอรี่สำรอง โซลาร์ เซลล์, โซลาร์ รูฟท็อป, อีวี ชาร์จเจอร์ เพื่อรองรับการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ในอนาคต อย่างน้อยบ้านหลังหนึ่งต้องมีหัวชาร์จหนึ่งหัว แต่ถ้ามี 3 คันควรต้องมี 2 หัวชาร์จ ถ้ามี 4 คันก็ควรต้องมี 3 หัวชาร์จ เป็นต้น
เทรนด์ที่เกิดขึ้นมาจากไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ที่เห็นได้ชัดคือรูปแบบของบ้าน โดยเฉพาะบ้าน 3 ชั้น บ้านใหญ่ในที่ดินเล็ก จากเดิมที่อยู่บ้าน 2 ชั้นในที่ดินใหญ่ แต่ปัจจุบันกลายเป็นบ้าน 3 ชั้นที่ดินเล็กแต่คงยังต้องการพื้นที่สีเขียว คือถ้าทำบ้านหลังใหญ่เต็มพื้นที่แล้วไม่มีพื้นที่สีเขียวก็จะไม่ต่างอะไรจากการอยู่ทาวน์เฮ้าส์
ฉะนั้น พื้นที่สีเขียวทั้งในส่วนในบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน ที่แต่ละโครงการควรจะให้ความสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการในวันนี้!
สำหรับ ภาพรวมตลาดบ้านเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากหลังโควิด-19 คนอยากได้พื้นที่ส่วนตัว และ ช่วงโควิด สร้างบ้านเอง "ไม่ใช่” เรื่องง่าย เพราะที่ดินราคาแพงและไม่ได้ได้อยู่ในทำเลที่ต้องการ ขณะที่ดีเวลลอปเปอร์พัฒนาโครงการบ้านออกมาจำนวนมาก ทำให้กลุ่มคนที่คิดจะสร้างบ้านเองเปลี่ยนใจมาซื้อบ้านในโครงการมากขึ้นมีตั้งแต่ตลาดล่างไปจนถึงตลาดซูเปอร์ลักชัวรี โดยเฉพาะตลาดลักชัวรีโตมาปีละ 30-40%
“ตลาดนี้ยังคงเติบโตได้อยู่ ส่วนจะขายได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับว่า โครงการที่พัฒนาตอบโจทย์คนซื้อไหม ถ้าเขาเห็นของดีพอในแง่ของฟังก์ชั่น คุณภาพ เขายินดีที่จะจ่ายเพื่อประหยัดเวลาและความยุ่งยากในการสร้างบ้านเอง เราเชื่อว่าตลาดบ้านชัวรียังมีดีมานด์รองรับ”
บ้านระดับลักชัวรี มีระดับราคา 30-50 ล้านบาท พรีเมียมลักชัวรี ราคา 51-80 ล้านบาท และซูเปอร์ลักชัวรี ราคามากกว่า 80 ล้านบาท เป็นตลาดเฉพาะ(Niche Market) ที่กลุ่มคนซื้อมีกำลังซื้อสูง แม้ว่าไม่ได้มีสัดส่วนในตลาดรวมมากแต่เป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
“ตราบใดที่ดีเวลลอปเปอร์เข้าใจความต้องการของลูกค้าในเซกเมนต์นี้ ยังขายได้ ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มลูกค้าที่เคยอยากซื้อเพนท์เฮ้าส์ เปลี่ยนมาซื้อบ้าน เพราะปัจจุบันสามารถทำงานจากที่บ้านได้ หรือคนที่เป็นเจ้าของกิจการไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ อยู่บ้านได้พื้นที่มากกว่า มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าในแง่ความปลอดภัยที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกับคนอื่น ประกอบการซื้อของปัจจุบันสามารถซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่กลางใจเมืองอีกต่อไป”
อลิวัสสา ย้ำว่า ราคาไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ เพราะคนกลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง แตกต่างจากตลาดกลาง ล่าง ที่ราคามีผลต่อการตัดสินใจ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ปัจจุบันไม่ได้ทำงานประจำตามออฟฟิศมากนัก คนที่อยู่ในเมืองเพราะทำงานในเมืองจะอยู่คอนโดมิเนียมในพื้นที่จำกัดเพราะราคาแพง แต่ถ้ามีครอบครัวอาจต้องซื้อบ้านนอกเมืองเพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นในราคาที่สามารถซื้อได้
ปัจจุบัน คนทำธุรกิจส่วนตัว (Self-employed) มากขึ้น อีกกลุ่ม คือ ต้องการพื้นที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น หากราคาบ้านและคอนโดใกล้เคียงกันคนกลุ่มนี้มักจะตัดสินใจซื้อบ้านมากกว่า คอนโด จึงเป็นเหตุผลทำให้ตลาดบ้านยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะคนต้องการพื้นที่ใหญ่ขึ้น และตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัวได้ เพราะถ้าอยู่คอนโดมิเนียม บุตรหลานไม่มีพื้นที่ในการเรียนออนไลน์ ทำการบ้าน ครัวเล็ก ไม่มีห้องทำงาน หรือประชุม รวมทั้งการมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง ส่วนทำเลยอดนิยมบ้านลักชัวรี หนีไม่พ้นกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ เป็นเส้นฮอตฮิต ส่วนทำเล ฝั่งธนบุรี พรานนก-พุทธมลฑลสาย 4