ปมเดือด ต่างชาติกับที่ดินไทย (1) | วิกรม กรมดิษฐ์
ผมมีเรื่องราวที่คนไทยให้ความสนใจอยู่เป็นจำนวนมาก กับประเด็นร้อนที่เกี่ยวข้องทั้งกับคนไทยในประเทศและชาวต่างชาติ และยังคงเป็นที่วิเคราะห์วิจารณ์กันอยู่ในหลายๆ เรื่อง
ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา ประเด็นนี้จึงเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่งคือ เรื่องของการให้สิทธิต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยในประเทศไทย และเป็นสิ่งที่คนไทยในส่วนของกลุ่มที่คัดค้านกังวล
เนื่องจากคิดว่าการกระทำดังกล่าวคือการขายชาติและในอนาคตต่างชาติอาจจะเข้ามายึดครองที่ดินในประเทศไทย เหมือนที่เคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ที่มีชาวจีนเข้าเข้าไปซื้อจนสามารถสร้างเป็นเมืองขึ้นมาได้ ในที่สุดชาวกัมพูชาในพื้นที่นั้นก็ถูกขับไล่ออกมา
จนเกิดการวิเคราะห์กันว่าในอนาคตกัมพูชาอาจจะตกเป็นเมืองขึ้นของจีน ซึ่งทำให้ในส่วนของประเทศไทยก็มีคนที่กังวลแบบนั้นเช่นเดียวกัน
ในเรื่องนี้ผมอยากให้เราลองมองย้อนกลับไปที่อดีตของประเทศไทย ที่เราเคยประสบความสำเร็จในสมัยที่พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี เคยได้มีการออกกฎกระทรวงให้ต่างชาติสามารถมีสิทธิซื้อคอนโดมิเนียมเพื่อการอยู่อาศัยได้
แต่มีการกำหนดสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ที่สามารถซื้อได้ชัดเจน จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฏดังกล่าว และยังไม่เคยมีการพูดถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการออกกฎกระทรวงฉบับนี้
ในขณะที่มองในมุมกลับกันลองดูประเทศที่เขาเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนซื้อที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา สิงคโปร์ เป็นต้น
ประเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นประเทศร่ำรวย ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศค่อนข้างมีฐานะดี รัฐบาลจึงไม่มีความกังวลในประเด็นเรื่องของประชากรในประเทศจะไม่มีที่อยู่อาศัย
แต่ประเทศไทยของเรา มีความใกล้เคียงกับกัมพูชาที่ประชากรของเราไม่ได้มีความร่ำรวย แบบประเทศที่ยกตัวอย่างมาข้างต้น ดังนั้นเมื่อมีนโยบายเปิดพื้นที่ให้ต่างชาติเข้ามาซื้อที่ดินได้คนไทยจึงมีความกังวลว่าจะไม่มีที่อยู่อาศัยเกิดขึ้น
ในมุมมองของผมความกังวลของคนไทยที่กลัวไม่มีที่อยู่อาศัยเหล่านี้อาจจะก่อให้เกิดปัญหา เราจึงต้องนำปัญหาเหล่านี้มาเป็นตัวตั้งใช้ในการพิจารณา เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นความละเอียดอ่อนของสังคม โดยการพิจารณาอาจจะต้องวิเคราะห์ให้เกิดความชัดเจนในประเด็นหลัก
ข้อแรกคือ ประโยชน์ที่ไทยจะได้จากการที่ต่างชาติเอาเงินมาลงทุนตามเงื่อนไขของรัฐบาลคือ 40 ล้านบาท ให้สิทธิ์ในการซื้อที่ดิน 1 ไร่
แต่จะเป็นไปได้หรือไม่หากรัฐบาลมีข้อกำหนดเพิ่มเติมคือให้ต่างชาติมีสิทธิ์ที่จะซื้อที่ดินเฉพาะภายในหมู่บ้านจัดสรรเท่านั้น เพื่อใช้หมู่บ้านเป็นตัวกำหนดขอบเขตพื้นที่สำหรับชาวต่างชาติ เหมือนตอนสมัยตอนที่มีการออกกฎกระทรวงให้ต่างชาติมีสิทธิ์ซื้อคอนโดได้เมื่อสมัยก่อน
ประเทศไทยมีพื้นที่อยู่ทั้งหมดประมาณ 330 ล้านไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 130 ล้านไร่ เรายังเหลือพื้นที่อยู่อีกเกือบประมาณ 200 ล้านไร่ ที่เป็นภูเขาและเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์
ถ้าเรามีการกำหนดแนวทางและหลักการที่ชัดเจนก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากการออกกฎกระทรวงการถือครองที่ดินของต่างชาติฉบับนี้ได้
ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือต้องมีการพิจารณาและวิเคราะห์อย่างรอบคอบ หากพิจารณาไม่รอบคอบอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในระดับรากหญ้าและระดับกลางในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีกำลังในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
วันนี้ในประเทศไทยมีหมู่บ้านจัดสรรอยู่เป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ทำในการตั้งนิคมอุตสาหกรรมต่างๆที่มีอยู่ทั่วประเทศ และมีการอนุมัติอนุญาตให้ต่างชาติมีสิทธิเข้ามาซื้อที่ดินภายในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการลงทุนได้
ซึ่งจะเห็นได้ว่าการลงทุนเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ทั้งที่มีการดำเนินการมาแล้วกว่า 40 ถึง 50 ปี
ดังนั้น รูปแบบในเรื่องของการให้ต่างชาติมีสิทธิ์ในการซื้อที่ดินโดยเฉพาะในหมู่บ้านจัดสรรที่มีมาตรฐานและถูกต้อง โดยกำหนดเปอร์เซ็นต์สัดส่วนในการซื้อที่ชัดเจน เช่นเดียวกับรูปแบบของการอนุญาตให้ซื้อคอนโด ซึ่งหากทำได้ผมเชื่อว่าธุรกิจของบ้านจัดสรรของไทยจะเติบโตเพิ่มมากขึ้น
ข้อ 2 คือหากเมื่อมีการลงทุนจากชาวต่างชาติเหล่านี้แล้วก็จะทำให้เกิดระบบการหมุนเวียนทางด้านเศรษฐกิจการเงินขึ้นภายในประเทศไทย
เงินเหล่านี้ผมมองว่าเป็นเงินที่เปรียบเสมือนการได้ฟรี ที่รัฐบาลไทยไม่ต้องไปกู้ยืมจากประเทศอื่นๆมา เพราะเป็นเงินที่ชาวต่างชาตินำเข้ามา ซื้อบ้าน ซื้อที่ดิน เท่ากับว่าเม็ดเงินตรงนี้เจ้าของที่ดินในหมู่บ้านจัดสรร เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัดสรร บริษัทวัสดุก่อสร้าง รวมถึงแรงงาน ล้วนแต่ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการซื้อขายสินค้าสาธารณูปโภค ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบก็ได้ประโยชน์ตามมาอีกด้วย และที่สำคัญต้องไม่ทำให้เกิดความกังวลในกลุ่มคนในระดับรากหญ้าและระดับกลาง
โดยการนำกฎระเบียบของระบบการถือครองที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและการจัดซื้อคอนโดเพื่อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยที่เคยมีการใช้มาแล้วมาเป็นต้นแบบใช้กับชาวต่างชาติ เชื่อว่าน่าจะช่วยลดข้อกังวลสำหรับในกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้านได้.