แลนด์ฯเด้งรับเลือกตั้ง-ท่องเที่ยวจีน ผุด17โครงการมูลค่า3.4 หมื่นล้าน
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เด้งรับเลือกตั้ง-นักท่องเที่ยวจีนทะลัก ทุ่ม 9 พันล้าน ลงทุนอสังหาฯ-โรงแรมผุด 17 โครงการมูลค่า 3.4 หมื่นล้านพร้อมเปิดคอนโดครั้งแรกในรอบ3ปีตั้งเป้ายอดขาย 3.5 หมื่นล้านสูงกว่าก่อนโควิดเป็นครั้งแรก
"แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์"ยักษ์ใหญ่แห่งวงการอสังหาฯ ประเมินเซนติเมนต์เศรษฐกิจในประเทศไทยกระเตื้องรับกระแสเลือกตั้งใหม่-นักท่องเที่ยวจีนทะลักหลังจีนเปิดประเทศ สวนทางเศรษฐกิจโลกระดับมหาภาคความไม่แน่นอนสูงระบุอสังหาฯปี 66 มีความไม่แน่นอนสูง แนะระมัดระวังรู้จักประมาณตน
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2566 เศรษฐกิจโลกระดับมหภาคค่อนข้างมีความไม่แน่นอน เพราะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องมากตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความผันผวนของเศรษฐกิจโลกอย่างมาก โดยเฉพาะสหรัฐ ยุโรป รวมถึงจีน ที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาพลังงานและปัญหาโควิด ส่งผลกระทบอีก รวมถึงภัยทางธรรมชาติ และการแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจโลก ดังนั้นในปีนี้ ปัจจัยเหล่านี้ยังไม่นิ่ง แต่ขณะเดียวกันอีกภาพหนึ่งจะเห็นว่าการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด คาดการณ์ยาก
“ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกมันเล็กลง ฉะนั้นผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกหรืออะไรก็ตามส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ง่ายภายใต้เงื่อนไขแบบนี้เราต้องระมัดระวังรู้จักประมาณตน”
เซนติเมนต์เศรษฐกิจไทยฟื้น
อย่างไรก็ตามสำหรับประเทศไทย เมื่อดูถึงภาพรวมเศรษฐกิจพบว่าความรู้สึกของผู้คน หรือ เซนติเมนต์ (sentiment) ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2565 เนื่องจากโครงการเศรษฐกิจไทยอิงกับการท่องเที่ยวเยอะ และช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ ภาคท่องเที่ยวเจ็บตัวเยอะ แต่เมื่อมีข่าวดีที่จีนเปิดประเทศ ทำให้ดีมานด์อั้น (Pent Up Demand) ในตลาดกลับมา จากการเดินทางของนักท่องเที่ยวมากขึ้น คาดว่า ปีนี้น่าจะถึง 20 ล้านคน ทำให้เกิดการจ้างงานในภาคท่องเที่ยวและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อกำลังซื้อในประเทศดีขึ้น
อย่างไรก็ตามยังต้องดูสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่สูงและความไม่แน่นอนในหลายๆ เรื่อง จากเศรษฐกิจโลกน่าจะส่งผลกระทบกับการส่งออก รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ขณะเดียวกันการเลือกตั้งทั่วไปถือเป็นความหวังอีกสิ่งหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผู้คนมักรู้สึกมีความสุข ี้ขณะที่ต่างชาติที่ต้องการลงทุนก็จับตามองประกอบการตัดสินใจ
เลือกตั้งกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ซึ่งมีทั้งทำได้บ้างทำไม่ได้บ้าง เป็นสิ่งที่ต้องจำว่าใครทำได้ไม่ได้ แต่ถ้าในสถานการณ์เงินเฟ้อเช่นนี้นี้ ถ้ามองค่าแรงเป็นต้นทุน ถ้ามีรีเทิร์น ต้นทุนไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือใส่อะไรไปแล้วหาเงินได้หรือเปล่า
เช่นเดียวกับลูกค้าที่จะที่ซื้ออสังหาฯ ถ้าพูดถึงเรียลดีมานด์ ต้องมองว่า เงินในอนาคตจะเป็นอย่างไร หามาได้อย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือลูกค้าต้องมีความต้องการก่อน จากนั้นดูว่ามีแหล่งรายได้อนาคตอย่างไร ฉะนั้นนโยบายที่ออกมาต้องมองในภาพรวม
"ปากท้องเป็นส่วนหนึ่ง เศรษฐกิจก็อีกส่วนหนึ่ง ระยะสั้นคือเรื่องปากท้อง เวลาคิดถึงปากท้องประชาชนสิ่งที่ต้องคิดก็คือจากนั้นเศรษฐกิจต้องเดินไปต่อได้ แต่สิ่งที่สำคัญคนที่ออกกฎเกณฑ์อย่ากลับไปกลับมาและคิดในระยะยาวอย่า ปีนี้คิดอย่างปีหน้าคิดอย่างแค่นี้พอเอกชนสามารถเดินตามที่รัฐบาลกำหนดอยู่แล้ว”
ผุดคอนโดครั้งแรกในรอบ3ปี
สำหรับความเคลื่อนไหว แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ปีนี้ วางแผนในการเปิดตัวโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 34,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับการเปิดโครงการใหม่ในปี 2565 เป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 13 โครงการ และต่างจังหวัด 4 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 16 โครงการ มูลค่า 28,460 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 6,500 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Key ศรีนครินทร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จะเปิดขายในไตรมาส 3
ดังนั้น จำนวนโครงการที่ดำเนินการในปี 2566 มีทั้งหมดประมาณ 87 โครงการ มูลค่า 91,320 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าแนวราบ 78 โครงการ มูลค่า 76,450 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 9 โครงการ มูลค่า 14,870 ล้านบาทราคาเฉลี่ยต่อหน่วยขายในปี 2566 เท่ากับ 8.8 -9 ล้านบาท
ทุ่ม 9 พันล้านลงทุนอสังหาฯ-โรงแรม
ปี 2566 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ทั้งหมดประมาณ 9,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใน1-2ปีข้างหน้า และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่า 3,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวน 3 แห่งย่านสุรวงศ์, พระราม 4, ราชดำริ และมีแผน ที่จะขายโรงแรมในประเทศไทยเข้ากองรีท
นอกจากนี้มีแผนที่จะออกหุ้นกู้อีกจำนวน 14,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจะยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 100% โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 35,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ 33,000 ล้านบาทส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า ตั้งเป้าหมาย 7,150 ล้านบาท ส่งให้ผลประกอบการปีนี้สูงกว่าก่อนโควิคเป็นครั้งแรกหลังจากเกิดโควิด -19
อสังหาฯผ่านจุดต่ำสุด
“แนวทางการดำเนินธุรกิจของเราได้ปรับตัวในช่วงโควิดที่ผ่าน มีการปรับกระบวนการผลิต บุคลากร รวมทั้งเรื่องแรงงาน ระบบพรีคาสท์ ผู้รับเหมาเพิ่มขึ้น ตั้งแต่กลางปี 2565 เพื่อรองรับแผนการทำงานในปีนี้ เดินหน้าลงทุนเต็มที่หลังจากผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วตั้งแต่ปี2564 แล้วทั้งซัพพลาย และดีมานด์”
ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังเดินหน้าลงทุนขยายธุรกิจโรงแรม เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจในระยะยาว พร้อมกับไปปรับเปลี่ยนแผนให้เหมาะกับพฤติกรรมและกำลังซื้อที่เปลี่ยนไปด้วยการ อาทิ ตลาดพัทยาอิงกับกำลังซื้อในพื้นที่มากขึ้นจากเดิมที่เน้นลูกค้าต่างชาติ
"ในปีนี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับกำลังซื้อในประเทศ ที่เป็นกลุ่มเรียลดีมานด์ ส่วนธุรกิจอสังหาฯ หลักๆ ยังคงเป็นโครงการแนวราบ และระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็นสัดส่วน 60% อยู่ในเซกเมนต์บนภายใต้แบรนด์นันทวัน"