"ฟัลครัม เวนเจอร์ส"เผยแผนลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทยต่อปี 700 %  

บริษัทฟัลครัม เวนเจอร์ส โชว์ผลการลงทุน "พานารา เทพารักษ์" โครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม สไตล์ Modern หลังเคยมาสำรวจพื้นที่ย่านนี้พบเป็น NEW CBD กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ที่กำลังเนื้อหอม เหตุเมืองขยายตัวตามแนวรถไฟฟ้าที่ไม่ได้กระจุกอยู่ในตัวเมืองอีกต่อไป

คนในเมืองจึงเริ่มหนีจากการซื้อคอนโด มาซื้อบ้านชานเมืองอยู่แทน ส่งผลให้"พานารา เทพารักษ์" ปิดยอดขายเฟส 1 และ 2 ไปได้สวยงาม ส่วนเฟส 3 เหลือ 32% บริษัทงัดแคมเปญตลาด ลด แลก แจก แถม หวังกระตุ้นกำลังผู้ซื้อที่กำลังมองหาบ้านสไตล์ Modern Luxury ภายใต้แนวคิด Exclusive Space, Privileged Life ส่วน % ทิศทางลงทุนในอนาคตข้างหน้าต่อปีอยู่ที่ 700 % ลั่นเปิด 11 โครงการลงทุนทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ หลังอั้นมาจากโควิด 19 ประเดิมเปิดปี 2566 นี้ ก่อน 6 โครงการ คิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งหมดนี้เพื่อชู้ตบริษัทให้มียอดการเติบโตอยู่ที่ 500 % 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ฟัลครัมฯจัดแคมเปญรับสงกรานต์เริ่มต้น 5.99 ล้าน

ข้อดีของบ้าน-คอนโดมือสองที่ไม่ควรมองข้าม

 

 

คนไทยเลือกซื้อบ้านเดี่ยวชานเมืองมากขึ้น

สมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ  ประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารบริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด  เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้เคยเข้ามาสำรวจพื้นที่ในย่านสมุทรปราการเทพารักษ์ อุดมสุข บางนา กว่า 800 ครัวเรือน แล้วพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็น NEW CBD กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมาก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคกลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจขนาด SME ส่วนใหญ่หันมาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ในบริเวณพื้นที่ทำเลนี้ค่อนข้างเยอะมาก 

เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคแต่เดิมเคยกระจุกตัวอยู่เฉพาะตามเส้นแนวรถไฟฟ้าในเมืองแค่ 6 กิโลเมตร ได้ถูกขยายเส้นทางของรถไฟฟ้าออกมายังพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น รวมระยะทางกว่า 440 กิโลเมตร ในอีก 3 ปีข้างหน้า ทำให้พฤติกรรมการอยู่อาศัยของผู้คนเริ่มเปลี่ยนทิศทางจากเคยอยู่คอนโดมิเนียมก็หันมาซื้อบ้านชานเมืองมากขึ้น และ เลือกใช้วิธีนั่งรถไฟฟ้าเข้าไปทำงานในเมืองแทน

ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ผ่านมา วิถีชีวิตการทำงานของผู้คนก็เปลี่ยนมาเป็นแบบ WFH มากขึ้น จึงส่งผลให้ Demand หรือ ความต้องการในการซื้อบ้านของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ด้วยเหตุนี้ “พานารา เทพารักษ์” ซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม สไตล์ Modern Luxury ของบริษัท จำนวน 129 ยูนิต ราคาตั้งแต่ 7-19 ล้านบาท บนทำเลติดถนนใหญ่เทพารักษ์ ขนาดพื้นที่ 34 ไร่ มูลค่าการลงทุน 1,400 ล้านบาท ปัจจุบันได้ผลการตอบรับที่ดีมากจากผู้บริโภค สามารถปิดการขายเฟส 1 เฟส 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่เฟส 3 ก็สามารถปิดการขายไปได้แล้ว 68 % 

 

เปิด5- 6 โครงการ มูลค่าการลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ดังนั้น ส่วนที่เหลืออีก 32% ในเฟส 3 ของพานารา เทพารักษ์ คุณ สมศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทได้วางกลยุทธ์การตลาดด้วยแคมเปญ ลด แลก แจก แถม อาทิ การมอบโปรโมชั่นส่วนลดราคาบ้านสูงสุด 200,000 บาท ส่วนลด On Top และ Cash back รายการอื่น ๆ รวม 1,000,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยให้ได้รับบ้านในฝันระดับพรีเมียม ที่มีคุณภาพดีเยี่ยม บรรยากาศน่าอยู่ บนทำเลที่มีศักยภาพ เดินทางสะดวก

ภายใต้แนวคิด Exclusive Space, Privileged Life แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในช่วงภาวะชะลอตัว เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด ทำให้แผนลงทุนโครงการต่าง ๆ ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ แต่ประเทศไทยก็ยังถือว่าเป็นตลาดที่มีโอกาสและน่าลงทุนอยู่ ในมุมมองของผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากคนไทยยังพอมีกำลังการซื้ออยู่โดยเฉพาะตลาดบ้าน 

มร. ดีภัค มิชรา ผู้ก่อตั้ง บริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด (Greenfield Advisory Pte Ltd Sim) กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัทต่อปีว่า จะคิดเป็น % การลงทุนอยู่ที่ 700 % ต่อปี โดยปัจจุบันมีทิศทางที่จะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก 11 โครงการ ทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศไทย เพื่อให้บริษัท ฟัลครัม ฯ เป็นบริษัทที่มีสามารถเติบโตไปได้ถึง 500 % ดังนั้น 11 โครงการดังกล่าว ในปี 2566 จะเข้าไปพัฒนาลงทุนอยู่ที่ 5- 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่

1.โครงการวิลล่า ในประเทศ อินเดีย

2.โรงแรมแห่งใหม่ อยู่ติดกับ ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย ที่จะเริ่มก่อสร้างขึ้นในเดือนมีนาคมนี้

3.โรงแรม จำนวน 2 แห่ง บนทำเลบางนา

4.คอนโดมิเนียม บนเกาะสมุย

5.โครงการ Serviced Residence บริเวณ ป่าตอง จังหวัด ภูเก็ต

6.โครงการ พานารา ที่เป็น Mix Use ภายใต้แบรนด์ ANONA 

สำหรับโครงการ พานารา ที่เป็น Mix Use ภายใต้แบรนด์ ANONA มร. ดีภัค ให้รายละเอียดว่า จะเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ บนเนื้อที่ 110 ไร่ ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม จำนวนทั้งหมด 900 ยูนิต  คอมมูนิตี้ มอลล์ 2 แห่ง  โรงแรม ร้านอาหาร คิดเป็นมูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2566 นี้ 

" นับว่าเป็นสถานการณ์การลงทุนหลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโควิด 19 ที่บริษัทอั้นการลงทุนมานานกว่า 2-3 ปี ทำให้ปีนี้การลงทุนของบริษัทจึงมีมากถึง 11 โครงการที่กำลังค่อยๆ ก่อสร้างพัฒนาขึ้นมา ประกอบกับเรายังดูที่ดินในย่านถนนราชพฤกษ์ และ กรุงเทพกรีฑา  เพื่อจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Luxury มากขึ้นกว่าเดิม "