‘ศุภาลัย’มั่นใจคอนโดฟื้นรับแรงซื้อต่างชาติชี้ราคาไม่เกิน5ล้านขยายตัว
ศุภาลัย ชี้แนวโน้มคอนโดไม่เกิน 5 ล้านไต่ระดับฟื้นตัวรับแรงซื้ออยู่อาศัย ลงทุน ลูกค้าต่างชาติ ดันตลาดขยายตัว เดินหน้าเปิดโครงการย่านพัฒนาการบนที่ดิน13ไร่ผุด “Parc เอกมัย-พัฒนาการ”มูลค่า 4.9พันล้านเจาะยังก์เจนพร้อมชงรัฐบาลใหม่ เร่งลงทุนเมกะโปรเจกต์กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรกมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท/ยูนิต ยังมีความต้องการซื้อหรือเรียล ดีมานด์ ทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการซื้อเพื่อลงทุน อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ ลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมจำนอง ทำให้สินค้าระดับราคาดังกล่าวกลับมาได้รับความสนใจและขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่บริษัทเองก็มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงานมากขึ้นเช่นกัน
“แม้ว่าระยะสั้นยอดขายชะลอไปบ้างในช่วงไตรมาส 2 แต่ในระยะกลางเชื่อว่า จะดีขึ้น หลังจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว นักท่องเที่ยวกลับเข้ามามากขึ้น หลายคนที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กที่เคยซบเซา ในช่วงโควิด เริ่มฟื้น เพราะแนวโน้มกำลังคนเริ่มดีขึ้น"
แม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบในขณะนี้ คือ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าน่าจะขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นจะนิ่ง ส่วนค่าไฟฟ้าก็เริ่มนิ่ง เช่นเดียวกับวัสดุก่อสร้างเริ่มอยู่ตัว ส่วนรายได้คนเริ่มดีขึ้น
กำลังซื้อคนต่างชาติพยุงคอนโดหรู
นายประทีป กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคากลางจนถึงพรีเมียมได้รับแรงหนุนจากกำลังซื้อคนต่างชาติ ซึ่งไม่เฉพาะแค่คนจีนเท่านั้นแต่ยังมีเมียนมา กัมพูชา ยุโรป อเมริกา ฮ่องกง ไต้หวัน ออสเตรเลีย รวมกันไม่น้อยที่เข้ามาพยุงตลาดคอนโดมีเนียมในประเทศ ส่งผลให้ตลาดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาดีขึ้นชัดเจนจากสินค้าพร้อมขายพร้อมโอนเป็นหลัก หรือแม้แต่คอนโดที่เปิดขายใหม่ ก็พบว่ามียอดขายที่ดีขึ้นเช่นกัน คนเริ่มกลับมาตัดสินใจซื้ออีกครั้ง หลังจากชะลอการตัดสินใจในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด_19 ที่ผ่านมา
“อยากให้รัฐบาลใหม่กระตุ้นให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยมากขึ้น การส่งออกขยายตัวขึ้น และรัฐบาลมีการลงทุนเมกะโปรเจกต์เพิ่มขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นจะส่งผลดีต่ออสังหาฯตามมาด้วย ทำให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนลดลง”
ผุดคอนโดพัฒนาการรับดีมานด์คนรุ่นใหม่
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับราคาค่าแรงมีผลกระทบระดับหนึ่งแต่ไม่ได้รุนแรงมาก ที่สำคัญลูกค้าเข้าใจและยอมรับได้ เนื่องจากต้นทุนและราคาที่แพงขึ้นเกิดขึ้นทั้งอุตสาหกรรม เพราะลูกค้ารู้ว่าเกิดจากภาวะเงินเฟ้อ ค่าแรงเพิ่มขึ้น
และจากแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมที่ดีขึ้น บริษัทได้ตัดสินใจลงทุน 4,920 ล้านบาทในโครงการ Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมไ ฮไรส์ 2 อาคาร อาคาร A สูง 30 ชั้น อาคาร B สูง 27 ชั้น จำนวนห้องพักอาศัย 1,635 ยูนิต และร้านค้า จำนวน 7 ยูนิต บนพื้นที่ประมาณ 13 ไร่
โดยมีตั้งแต่ห้องแบบ Studio ถึงแบบห้อง 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 30-100 ตารางเมตร เพดานสูง 2.7 เมตรและพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่กว่า 4.5 ไร่ ในระดับราคาเริ่มที่ 1.89 ล้านบาท/ยูนิต หรือราคาเฉลี่ย 70,000 บาท/ตารางเมตร โดยจะเริ่มก่อสร้างภายในช่วงปลายปีนี้ และมีกำหนดเสร็จในปี 2569
ตั้งเป้าขายรวมปีนี้ 3.6 หมื่นล้าน
นายไตรเตชะ ระบุว่า ทำเลพัฒนาการ ถือเป็นหนึ่งในทำเลที่อยู่อาศัย ที่ได้รับความนิยมในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจากการขยายตัวของเมืองจากย่านธุรกิจอย่างเอกมัยและทองหล่อ หลังจากมีการเปิดใช้งาน Airport Rail Link ทำให้ราคาที่ดินมีมูลค่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันอยู่ในช่วง 250,000-300,000 บาท/ตารางวา เมื่อเทียบกับทำเลเอกมัย-ทองหล่อ
“ระหว่างทำเลทองหล่อ สุขุมวิทใจกลางเมืองเมื่อเทียบราคาคอนโดในทำเลพัฒนาการถูกกว่า 50% ถ้าเลือก Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการได้ห้องใหญ่กว่าเท่าตัวหรือจ่ายแค่ครึ่งของราคาคอนโดทองหล่อ ถือเป็นจุดขายที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสินค้าที่มีความคุ้มค่า ”
“เรายังคงเป้าหมายปีนี้ไว้เหมือนเดิม โดยวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 36,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 37 โครงการ รวมมูลค่าโครงการ 41,000 ล้านบาท และวางเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 36,000 ล้านบาท มียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ารวม 20,220 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอีก 9 เดือนข้างหน้า (เม.ย.-ธ.ค.) ในปี 2566 จํานวน 15,340 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 4,880 ล้านบาท จะรับรู้ต่อเนื่องในอีก 2 ปีถัดไป” นายไตรเตชะ กล่าว
หวังจัดตั้งรัฐบาลไม่น่าจะยืดเยื้อ
นายประทีป กล่าวด้วยว่า ปัจจัยที่กำลังเป็นที่จับตากันในขณะนี้คือ การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง เชื่อว่าไม่น่าจะยืดเยื้อ เพราะเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น มีความหวังว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้น ตั้งแต่การเลือกตั้งที่การซื้อเสียงไม่ได้ผล และหวังว่าต่อจากนี้ไปปัญหาคอร์รัปชันจะลดลง การปฏิรูประบบราชการจะดีขึ้น เพราะหลายพรรคมีนโยบายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น เริ่มมีความหวังจากวิธีการต่างๆที่ดูมีเหตุมีผล
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เชื่อว่ารัฐบาลใหม่คงต้องฟังเสียงภาคเอกชน ทั้งนี้ทางศุภาลัยไม่มีปัญหาเรื่องการขึ้นค่าแรง พร้อมที่จะปฏิบัติตามเสียงส่วนใหญ่ แต่รู้สึกเป็นห่วงธุรกิจเอสเอ็มอี หรือธุรกิจบริการ ร้านอาหาร โรงงานขนาดเล็ก
“แต่เห็นว่ารัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเอสเอ็มอีออกมา คาดว่ากว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารและขึ้นค่าแรงคงเป็นปีหน้า หากค่าแรงขึ้น ราคาบ้านก็จะแพงขึ้น เพราะราคาบ้านขึ้นอยู่กับราคาที่ดินสูงขึ้น ค่าก่อสร้างวัสดุและค่าแรงเป็นเรื่องธรรมดา”