อสังหาฯมั่นใจเศรษฐกิจไทยไปต่อเดินหน้าลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่

อสังหาฯมั่นใจเศรษฐกิจไทยไปต่อเดินหน้าลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่

แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาฯที่ผ่านมาจะลดลง! แต่ยังคงมีความหวังว่า 6เดือนข้างหน้าสถานการณ์จะดีขึ้นหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ดึงดีมานด์ต่างชาติ ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่รวมถึงการร่วมทุนเดินหน้าต่อหลังผ่านจุดที่ต่ำสุดมาแล้ว

เบนจามิน เตาจงเฮียน กรรมการบริหาร และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มพาราเมาท์ คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย เผยว่า หลังจากที่กลุ่มผู้บริหารได้เดินทางมาประชุมกับผู้บริหารบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด จึงได้เดินทางไปตรวจความคืบหน้าโครงการ ณ รีวา เจริญนคร ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างกลุ่มพาราเมาท์ คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด ประเทศมาเลเซีย ในสัดส่วน 49% และบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด สัดส่วน 51% มีมูลค่า 1,300 ล้านบาท พบว่าปัจจุบันมีความคืบหน้าด้านงานก่อสร้างไปแล้วถึง 73% คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ประมาณไตรมาส 1 ปี 2567 

 สำหรับการเข้ามาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยมีการร่วมทุนกับบริษัท ณวรางค์ แอสเซท จำกัด เป็นเพราะกลุ่มพาราเมาท์ฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพและการเติบโตของตลาดอสังหาฯ เมืองไทย รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 3.6% โดยมีกำลังซื้อและความต้องการมาจากชาวต่างชาติเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากประเทศจีน ยุโรป และอเมริกา รวมถึงการบริโภคภายในประเทศด้วย
 

 “เรามองว่าการลงทุนในประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเติบโตของบริษัท ในฐานะบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในอัตราเดียวกันในอีก 2-3 ปีข้างหน้านี้ด้วย” 

อสังหาฯมั่นใจเศรษฐกิจไทยไปต่อเดินหน้าลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่

ทั้งนี้เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ มีศักยภาพการเติบโตและมีความต้องการสูงอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนประชากรมากกว่า 18 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นมหานครใหญ่รองเป็นอันดับ 2 ของเอเชียในด้านขนาดของพื้นที่ และเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในแง่ของจำนวนประชากร ซึ่งเป็นที่สนใจและมีความต้องการจากกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดอสังหาฯ ระดับลักชัวรี เห็นจากจำนวนชาวต่างชาติ ที่เริ่มกลับมาซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทยเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา โดยแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาฯให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัย โดยมีการพัฒนา ตามหลักการของ Well-being และ ESG ที่เป็นเทรนด์ในยุคปัจจุบันและอนาคต
 

สรวุฒิ มานะสมจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเตทกูรู จำกัด กล่าวว่า  ตลาดอสังหาฯในปีนี้มีการฟื้นตัว เริ่มมีการกลับมามียอดโอน ยอดจองที่สูงขึ้น มีสัญญาณที่ดีขึ้น แม้ยังไม่เท่าช่วงก่อนโควิด ในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศไทยก็คึกคักขึ้น ตัวเลขชี้ว่าสามารถดึงนักท่องเที่ยวกลับมาได้ 40-50%  

บริษัทได้เตรียมเปิดโครงการแนวราบหลายโครงการ อาทิ วิสทาวน์ เดคโค พัทยา, วิสทาวน์ โรจนะ, วิสทาวน์ ระยอง-ทับมา และ วิสทาวน์ บางปะอิน 2    ส่วนของโครงการแนวสูง อาทิ คอนโดมิเนียมแถวพระราม 2 เอกชัยบางบอน และยังมีแผนเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากผลตอบรับดีมาก ปัจจุบันยอดจองเฉลี่ยอยู่ที่ 85% บริษัทยังคงมุ่งเน้นเปิดโครงการรองรับการฟื้นตัวของตลาด และ การเข้ามาของนักท่องเที่ยว โดยปักหมุดโลเคชั่นย่าน นิคมอุตสาหกรรม และ เมืองท่องเที่ยวต่างๆ เชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาฯ จะมีแนวโน้มที่เติบโตไปในทางที่ดีขึ้น