จับตานารายณ์พร็อพเพอตี้ผุดมิกซ์ยูสบนที่ดิน19ไร่ เมืองทองธานีสายสีชมพู
หลังนารายณ์พร็อพเพอร์ตี้ ชนะการประมูล ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างบนถนนแจ้งวัฒนะ ขนาด 19 ไร่ ติดกับ สถานีรถไฟฟ้าเมืองทองธานี สายสีชมพู (PK10) ในเดือนธ.ค.2566 ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่ามีมูลค่าไม่ต่ำกว่า1,500ล้านเพื่อพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสแห่งใหม่ย่านแจ้งวัฒนะ
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ ที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ วิเคราะห์ว่า ที่ผ่านมาที่ดินในพื้นที่ตามแนวถนนแจ้งวัฒนะและอยู่ในแนวเสนทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงที่อยู่ไม่ไกลจากศูนย์รายชการกรุงเทพฯอาจจะไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เพราะที่ดินหลายแปลงที่อยู่ในพื้นที่มีการใช้ประโยชน์มาก่อนหน้านี้แล้ว อาจจะมีแปลงที่ดินเพียงบางแปลงที่เปลี่ยนมือหรือมีการพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมบ้าง แต่ก็เป็นใช้ที่ดินขนาดไม่ใหญ่มาก มากที่สุดประมาณ 5 ไร่เท่านั้น
อาจจะที่ดินบางแปลงที่ใช้ประโยชน์เป็นโครงการพาณิชยกรรม ประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งก็มีไม่มากนัก และใช้ที่ดินไม่มากเช่นกัน อีกทั้งบางโครงการเป็นการร่วมมือระหว่างเจ้าของที่ดิน และผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ รูปแบบการพัฒนาที่ดินได้มากที่สุดยังคงเป็นโครงการคอนโดมิเนียม แต่ก็ไม่ได้มีจำนวนโครงการมากนัก มีเพียงไม่กี่โครงการเท่านั้นที่เปิดขายใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะเปิดให้บริการแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ยังมีที่ดินอีก 1 แปลงที่มีความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปงในช่วงหลังจากนี้ คือที่ดินขนาดประมาณ 19 ที่ทางนารายณ์พร็อพเพอร์ตี้เพิ่งได้เป็นเจ้าของมาช่วงปลายปี2566 ซึ่งที่ดินแปลงใหญ่ขนาดนี้ แล้วติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเมืองทองธานี
นับว่ามีศักยภาพสูงมากอาจจะไม่ได้อยู่ในพื้นที่สีแดงหรือเพื่อการพาณิชยกรรม แต่ก็อยู่ในพื้นที่สีส้ม ประเภท ย-6 ที่ดินที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง มีอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน (FAR) อยู่ที่ 5:1 และอัตราส่วนของที่ว่างต่อพื้นที่อาคารรวม (OSR) อยู่ที่ 7 แม้ว่า FAR อาจจะไม่ได้สูงมาก แต่เพียงเท่านั้นก็สามารถพัฒนาอาคารสูงได้แล้ว เพราะที่ดินขนาดใหญ่มาก และสามารถใช้ระยะร่นจากถนนแจ้งวัฒนะเพื่อออกแบบอาคารให้มีความสูงมากขึ้นได้อีก และในพื้นที่โดยรอบยังมีอาคารสูงมากกว่า 20 - 30 ชั้นอยู่หลายอาคาร
การพัฒนาที่ดินแปลงนี้ซึ่งทางผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินรายใหม่สามาถพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่อาคารรวมมากกว่า 10,000 ตารางเมตร หรือเพื่อการพาณิชยกรรมที่มีพื้นที่อาคารมากกว่า 10,000 ตารางเมตรได้ทั้งหมด เพราะไม่ได้ติดข้อกำจัดใดๆ ในการพัฒนา หรือจะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสก็ได้ขึ้นอยู่กับทางเจ้าของที่ดิน ซึ่งการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินยังคงมีให้เห็นต่อเนื่อง แม้ในภาวะที่อาจจะดูเหมือนการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ก็ตาม
อีกทั้งการซื้อขายที่ดินในช่วงเวลาแบบนี้อาจจะเป็นผลดีต่อการเจรจาต่อรองมากกว่าการซื้อขายที่ดินในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวดีกว่า เนื่องจากราคาซื้อขายอาจจะเพิ่มมากกว่าปัจจุบันก็เป็นไปได้ อีกทั้งการซื้อขายที่ดินในช่วงเวลานี้อาจจะเป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนระยะยาว และสามารถวางแผนในการพัฒนา
รวมไปถึงการวางแผนในการขายโครงการในระยะยาว โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่ก็ปิดการขายหรือมีอัตราการขายที่ค่อนข้างสูงแล้ว มียูนิตเหลือขายในพื้นที่ไม่มาก และราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ก็เปิดขายกันที่ไม่ต่ำกว่า 80,0000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว ยูนิตรีเซลอาจจะมีที่ตั้งราคาขายมากกว่านี้ ดังนั้น การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่นี้มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการตอบรับที่ดี
สำหรับบริษัท นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด เริ่มก่อตั้งในปี2527 ได้รับ ความเชื่อถือมากว่า20ปี ภายใต้การบริหารงานของ"พัชรา นิธิวาสิน"กรรมการผู้จัดการ ผู้นำทีมสร้างสรรค์พัฒนาโครงการที่พักอาศัยที่มีคุณภาพ มีจุดยืนในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ที่มีมาตรฐานสำหรับกลุ่มลูกค้า ระดับกลางขึ้นไป อีกทั้งบริษัทฯ มีแผนดำเนินธุรกิจการพัฒนา อสังหาริมทรัพย์ เน้นเรื่องคุณภาพของที่อยู่อาศัย และสภาพแวดล้อมที่ดีของโครงการเป็นสำคัญ
กว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมาของการดำเนินธุรกิจ ได้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยมาแล้วหลาก หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว กรุ๊ปเฮ้าส์ ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อพาร์ตเม้นท์ และ เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,200 ล้านบาทในเดือนก.ค.2543
โดยมี โรงแรมนารายณ์ และ บริษัท ฮั่วกี่ เปเปอร์ จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ในปัจจุบัน บริษัท นารายณ์พร็อพเพอตี้ จำกัด ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา โครงการที่พักอาศัย ในทำเลต่างๆ ที่สะดวกต่อการคมนาคม ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค แต่ละโครงการให้แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง และอำนวยความสะดวกสบาย ในวิถีชีวิตที่ทันสมัย ของคนรุ่นใหม่