ไทยเนื้อหอมเทียบชั้นสิงคโปร์ ‘ต่างชาติ’แห่ตั้งสำนักงาน-เวิร์คสเปซ
ไทยเนื้อหอมเทียบชั้นสิงคโปร์ ‘ต่างชาติ’แห่ตั้งสำนักงาน-เวิร์คสเปซ IWG ชี้ตลาดอาคารสำนักงานแข่งขันสูงเกิดสงครามราคา หั่นค่าเช่าลง 25% เพื่อดึงผู้เช่า พร้อมกระจายความเสี่ยงจับมือพันธมิตรCo-working Spaceเพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
หลังวิกฤติโควิด-19 ตลาดอาคารสำนักงานได้รับผลกระทบจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนไป กล่าวคือเป็น Hybrid Working พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศ บ้าน Satelllite Office หรือจากที่ไหนก็ได้ (Remote Working) แทนการทำงานในออฟฟิศเพียงแห่งเดียว สวนทางกับซัพพลายใหม่ที่เข้ามามากขึ้น
ธิติวัฒน์ ธนาพรนิธินันท์ ผู้จัดการประเทศไทย IWG ผู้ให้บริการพื้นที่สำนักงานให้เช่าแบบยืดหยุ่น (Flexible Workspace) หรือ เวิร์คสเปซภายใต้ แบรนด์ Regus, Spaces, HQ สะท้อนสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของอาคารสำนักงานในประเทศไทยขณะนี้ แบ่งเป็น 2 ฝั่ง คือ “ซัพพลาย” และ “ดีมานด์”
ในมุมซัพพลายก่อนสถานการณ์โควิด ธุรกิจอาคารสำนักงานเป็นขาขึ้น! ของเจ้าของอาคาร มีอัตราผู้เช่า (Occupancy) กว่า 90% แต่หลังโควิด บริษัทและองค์กรต่างๆ มีการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น
ขณะเดียวกันอาคารสำนักงานที่เกิดขึ้นใหม่มีการพัฒนาออกแบบสำนักงานที่ตอบโจทย์ชีวิตการทำงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรด A ตั้งแต่ ปี 2566-2567 มีพื้นที่อาคารสำนักงานเพิ่มขึ้นถึง 30% สวนทางกับดีมานด์หลังโควิด บริษัทและองค์กรต่างลดขนาดและเริ่มทำงานที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น มีการลดงบประมาณการเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานลงเพื่อลดค่าใช้จ่าย เรียกได้ว่า เป็นข่าวร้ายของตลาดอาคารสำนักงาน!
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤติก็มีโอกาส เมื่อเกิดดีมานด์กลุ่มใหม่จากบริษัทข้ามชาติเข้ามาเนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยในการตั้งเป็นสำนักงานใหญ่เทียบเท่ากับประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนทางด้านภาษีให้กับชาวต่างชาติที่มาทำงานในประเทศไทย (Expat)
ผนวกกับสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน คนในประเทศสามารถใช้ภาษาอังกฤษที่พัฒนาได้ สามารถทำงานออนไลน์ได้ ค่าแรงไม่สูงมากทำให้เกิดดีมานด์จากกลุ่มบริษัทข้ามชาติสนใจย้ายสำนักงานใหญ่เข้ามาในประเทศไทย
ธิติวัฒน์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดอาคารสำนักงานแข่งขันสูงเกิดสงครามราคา อาคารสำนักงานบางแห่งยอมลดราคาค่าเช่าลง 25% หลังอัตราผู้เช่าลดลงเหลือ 70% สะท้อนให้เห็นว่า เจ้าของอาคารมีความยืดหยุ่นมากขึ้นพร้อมที่จะเสนอเงื่อนไขพิเศษมากขึ้นเพื่อดึงผู้เช่าและเกิดการกระจายความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ รวมถึงการมีการจัดทำสัญญาเช่าเป็นระยะสั้นมากขึ้น ต่างจากในอดีตที่เป็นการระยะยาว ราย 3 ปี อีกทั้งมีพันธมิตรกับ Co-working Space ต่างๆ เพื่อขยายฐานไปยังกลุ่มผู้เช่าใหม่
ถือเป็น “โอกาสทอง” ของธุรกิจสำนักงานพร้อมใช้อย่าง IWG เข้ามาเติมเต็มความต้องการของผู้ประกอบการอาคารสำนักงานให้เช่าและตอบโจทย์พฤติกรรมของบริษัทยุคใหม่ ด้วยรูปแบบการให้บริการออฟฟิศสำเร็จรูปและพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่น เพราะรูปแบบการให้บริการลักษณะนี้สามารถทำได้หลากหลายสเกล ตั้งแต่ 2-3 ตารางเมตร ไปจนถึง 2,000-3,000 ตารางเมตร ก็สามารถให้บริการรูปแบบนี้ได้
“แม้แต่เวอร์ชวลออฟฟิศ ไม่มีพื้นที่จริง แต่ใช้เป็นที่อยู่สำหรับจดทะเบียนบริษัทอย่างเดียว และมีเบอร์โทรศัพท์ซัพพอร์ต แต่เรามีโลเคชั่นให้เช็คอินได้ทั่วโลก เนื่องจากมีหลายธุรกิจที่ต้องการบริการรูปแบบนี้ไม่น้อย เช่น ทนายที่ทำงานนอกสถานที่ ไม่ต้องการออฟฟิศ แต่มีไว้เป็นสถานที่ดร็อปเอกสาร”
ดังนั้น แนวโน้มของดีมานด์ในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คือ “แพลตฟอร์มธุรกิจไอที” บริษัทเทคโนโลยีที่เติบโตขึ้นสูงจะต้องการออฟฟิศมากขึ้น ซึ่งอาคารสำนักงานในประเทศไทยจะกลายเป็นฮับที่ดี เนื่องจากมีความความได้เปรียบด้านโลเคชัน ต้นทุนการใช้ชีวิต ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์
ที่สำคัญประเทศไทยมีความได้เปรียบในแง่ของเดสติเนชั่นที่ชาวต่างชาติอยากมาพำนัก ล่าสุดประเทศไทย คว้า “อันดับ 1 ของโลก” ในการเป็นประเทศที่ควรมาเยี่ยมชมที่สุดปี 2024 จากเว็บไซต์นิตยสาร CEOWORLD Magazine ประกอบด้วยความเห็นจากผู้อ่านกว่า 295,000 ราย