อสังหาฯลุ้นนายกฯ-ครม.ใหม่สานต่อนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อฟื้นความเชื่อมั่น

อสังหาฯลุ้นนายกฯ-ครม.ใหม่สานต่อนโยบายกระตุ้นกำลังซื้อฟื้นความเชื่อมั่น

อสังหาฯลุ้นนายกฯ-ครม.ใหม่สานต่อนโยบาย กระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค ฟื้นความเชื่อมั่นครึ่งหลังปี67 หลังจากครึ่งปีแรกผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน คอนโดมิเนียมรวมทั้งการสร้างบ้าน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซาต่อเนื่อง

นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน  กล่าวว่า  หลังจากแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่และ ครม.ชุดใหม่ ในฐานะภาคเอกชนหวังว่า รัฐบาลจะยังคงสานต่อนโยบายรัฐบาลเดิมเพื่อให้การดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื่อไม่สะดุด เพราะสิ่งที่สำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคที่ปัจจุบัน"ลดลง " โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง 

ทั้งนี้เนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา กำลังซื้อและอารมณ์ซื้อของผู้บริโภคหายไป ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อมั่นที่ลดลง ส่งผลทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน   คอนโดมิเนียมรวมทั้งการสร้างบ้าน ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซาต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดเม็ดเงินจากภาครัฐออกมากระตุ้นในทั้งแง่การลงทุนและการกระตุ้นกำลังซื้อ  
 

"เราคงรอดูว่า นโยบายดิจิทัลวอลเลตจะออกมาหรือไม่ เป็นปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุม ในส่วนของภาคเอกชนต้องปรับตัว และวางแผนเพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ล่าสุดได้คุยกับสมาชิกในสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เข้ามาร่วมกันจัดกิจกรรมใหญ่ในเดือนก.ย.นี้เพื่อกระตุ้นยอดขายของสมาชิกในสมาคมฯทั่วประเทศให้สามารถฝ่าความท้าทายในปีนี้ "นายโอฬาร กล่าว.


นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซีเนกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)อุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า เชื่อว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ยังคงให้ความสำคัญกับภาคอสังหาฯ เพราะมีส่วนช่วยให้ GDP ของประเทศเติบโตขึ้น โจทย์หลัก ขณะนี้การผลักดันให้นโยบายและโครงการต่างๆ ในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเกิดเป็นรูปธรรม รวมถึงการพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในวาระต่อไป ให้เดินหน้าต่อไปโดยไม่สะดุดเนื่องจากภาวะสุญญากาศทางการเมือง
 

นายวรยุทธ กล่าวเสริมว่า การสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยของตัวเองเป็นภารกิจของรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใดก็ตาม ดังนั้นทุกปีจึงมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ ทั้งในฝั่งดีมานด์และซัพพลายเชนของอุตสาหกรรม ที่ผ่านมารัฐบาลก็มีมาตรการที่ช่วยให้ประชาชนได้ซื้อหรือเช่าบ้านได้มากขึ้น อาทิ การลดค่าโอนและค่าจดจำนองบ้านและอาคารชุดที่ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท การลดหย่อนภาษีฯ

สำหรับผู้ปลูกสร้างบ้านเอง หรือมาตรการด้านดอกเบี้ย ผ่านทางสถาบันการเงินของรัฐ เช่น สินเชื่อบ้าน Happy Home และ Happy Life ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ และสินเชื่อบ้านธนาคารออมสิน หรือโปรโมชัน ‘ตามใจเลือกตามชอบ’ ของการเคหะแห่งชาติ หรือโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 ล่าสุด ธนาคารอาคารสงเคราะห์ยังได้จัดทำ ‘โครงการสินเชื่อบ้าน DD (ดี๊ดีย์)’ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านหรืออาคารชุดกับดีเวลอปเปอร์ที่มีข้อตกลงร่วมกับธนาคารฯ โดยได้รับดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 2.80%


สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันที่เข้าสู่ครึ่งปีหลังของปี 2567 ระดับดีมานด์ที่อยู่อาศัยในตลาดยังคง "ลดลง" ส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการทุกระดับ โดยเฉพาะกลุ่มอาคารชุดและบ้านแนวราบที่มีราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจาก "หนี้ครัวเรือน"สูงกว่า GDP ของประเทศ อย่างไรก็ตาม

ขณะนี้ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีของคนที่ต้องการซื้อบ้าน เพราะค่าแรงขั้นต่ำที่จะปรับเป็น 600 บาท ยังไม่ประกาศใช้ ทำให้ต้นทุนวัสดุและค่าแรงงานก่อสร้างยังไม่ถูกปรับขึ้น ราคาบ้านก็ยังไม่ถูกปรับตาม ประกอบกับการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการค่อนข้างเข้มข้น ทำให้ผู้ซื้อได้เปรียบในการเลือกซื้อบ้านที่มีคุณภาพที่ดี ในราคาที่ยังไม่สูงมากนัก

“โดยส่วนตัวมั่นใจว่ารัฐบาลใหม่จะยังคงยกประเด็นหนี้ครัวเรือนเป็นวาระสำคัญ และจะให้ความสำคัญกับการที่คนไทยได้เป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายขึ้น ในราคาที่เหมาะสม เพื่อเป็นหลักประกันคุณภาพชีวิตของคนไทยที่ดีขึ้น” 

นายวรยุทธ กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังหวังว่าธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารพาณิชย์จะร่วมกันพิจารณาลดดอกเบี้ยหรือกำหนดอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ระยะยาว เพื่อช่วยลดภาระและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้กู้ในการผ่อนชำระสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะรายย่อย เข้าถึงแหล่งเงินทุนและช่วยลดภาระหนี้