อสังหาฯภูเก็ต นักลงทุนทะลัก ‘บางเทา’ฮอตสุด!โครงการเปิดใหม่ทุก2สัปดาห์
อสังหาฯภูเก็ต นักลงทุนทะลัก‘บางเทา’ฉายาทองหล่อ ภูเก็ต ฮอตสุด!โครงการเปิดใหม่ทุก2สัปดาห์กลายเป็นไลฟ์สไตล์ เดสติเนชันแห่งใหม่ผลให้ “ราคาที่ดิน” พุ่งสูง ขณะที่ลูกค้านักลงทุนทะลักเข้ามาเพราะผลตอบแทนสูงถึง9-10% ต่อปี
KEY
POINTS
- อสังหาฯภูเก็ต นักลงทุนทะลัก‘บางเทา’ฉายาทองหล่อ ภูเก็ต ฮอตสุด!
- โครงการเปิดใหม่ทุก2สัปดาห์กลายเป็นไลฟ์สไตล์ เดสติเนชันแห่งใหม่
- ส่งผลให้ “ราคาที่ดิน” พุ่งสูง อาทิ ลายัน ก่อนโควิดราคาไร่ละ 10-12 ล้าน ปัจจุบันราคาไร่ละ 25ล้าน
- ขณะที่ลูกค้านักลงทุนไทย ต่างชาติทะลักเข้ามาเพราะผลตอบแทนสูงถึง9-10% ต่อปีจากดีมานด์ของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะสั้นและระยะยาว
ย่านเชิงทะเล-บางเทา ใน ภูเก็ต เป็นทำเลฮอตสุดฉายา “ทองหล่อ ภูเก็ต” อีกทั้งใกล้แหล่งชอปปิงและร้านอาหารดัง อาทิ ลิตเติ้ล ปารีส, โบ้ท อเวนิว, ลากูน่า กอล์ฟ คลับ, ปอร์โต เดอ ภูเก็ต ฯลฯ เกิดความคึกคักตลอดเวลาเป็น “ไลฟ์สไตล์ เดสติเนชัน” แห่งใหม่ จากเดิมมุ่งหน้าป่าตอง ที่มี “ไนต์ไลฟ์” ดึงดูดนักท่องเที่ยว
ประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต บริษัท ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า ศักยภาพของภูเก็ต คอมมูนิตี้แห่งใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน ดึงดูดผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะย่านเชิงทะเล-บางเทา เรียกว่า “มีการเปิดโครงการใหม่ทุก 2 สัปดาห์! ทั้งคอนโดมิเนียมและวิลล่า"
ย้อนปี 2566 อสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตขายดีมาก และยังขายดีต่อเนื่องจนถึงปีนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อคือ “ใกล้โรงเรียนนานาชาติ” ที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะบางเทา มีโรงเรียนนานานาชาติหลายแห่ง เช่น เฮดสตาร์ท ขจรเกียรตินานาชาติ ฯลฯ ทำให้ดีเวลลอปเปอร์จากกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น ศุภาลัย แสนสิริ ออริจิน แอสเซทไวส์ เซ็นทรัล ฯลฯ แห่เข้ามาพัฒนาโครงการส่งผลให้ “ราคาที่ดิน” พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่าง ลายัน ก่อนโควิดราคาไร่ละ 10-12 ล้านบาท ปัจจุบันราคาไร่ละ 25ล้านบาท
โดยกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาดไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าจาก UAE, ซาอุดิอาระเบีย และอิสราเอล นิยมซื้อระดับราคา 20-30 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีกลุ่มลูกค้ารัสเซีย จีน ไทย ซื้อเพื่อลงทุนเพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 9-10% ต่อปี เนื่องจากมีดีมานด์ของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาเช่าระยะสั้นและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะทำเลบางเทาเป็นทำเลยอดนิยมห้องนอนขนาด 50-60 ตารางเมตร อัตราค่าเช่า 1,000-1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน หรือราว 50,000-60,000 บาทต่อเดือน
ส่วนกลุ่มคนไทยที่เข้ามาซื้อจะเป็นกลุ่มลักชัวรีที่ต้องการอยู่หน้าหาดหรือเห็นวิวทะเล และ Branded Residence ยิ่งอยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไต์การใช้ชีวิต โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ชอบทำเลในเมือง มีร้านอาหาร โรงแรม ถ้าเป็นวิลล่า ต้องอยู่หน้าหาด เห็นวิว มีบริการจากโรงแรม
“สิ่งที่ลูกค้าคนไทยให้ความสำคัญในการตัดสินใจซื้อ คือ ดีเวลลอปเปอร์หรือผู้พัฒนาเป็นใคร หรือใครที่เคยซื้อคอนโดมิเนียม Branded Residence จะซื้อแบรนด์ที่ตนเองมั่นใจเป็นหลัก ยิ่งเป็นห้องแรร์ไอเทมจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ”
สำหรับโครงการ เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หนึ่งโครงการมิกซ์ยูสในหาดบางเทาบนพื้นที่ 19 ไร่ จาก 41 ไร่ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ ไรส์ เป็นที่พักอาศัย Branded Residences จำนวน 188 ยูนิต 6 อาคาร 7 ชั้น เริ่มต้น 75 ตารางเมตร และโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด เอ็กซ์ ระดับ5 ดาว มี 200 ห้อง โดยกลุ่ม CG Capital
ล่าสุด เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ มียอดขาย 70% หลังเปิดตัว มี.ค.ที่ผ่านมา ขนาดเริ่มต้น 1 ห้องนอน 75 ตารางเมตร ราคา 11.9 ล้านบาท ขายหมดแล้ว ขนาดใหญ่สุด 312 ตารางเมตร เป็นห้องดูเพล็กซ์ 2 ชั้น 3 ห้องนอน ราคา 62-68 ล้านบาท ปัจจุบันมีเหลือไม่มาก แม้ระดับราคาชนกับวิลล่าแต่ความที่เป็นคอนโดมิเนียม ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ตามกฎหมายทำให้โอกาสการขายมากกว่าวิลล่า ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ปิดการขายส่วนที่เหลือ 30% ได้
เดอะ สแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ คาดสร้างเสร็จ ธ.ค.2569 ส่วนโรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด เอ็กซ์ บางเทา สร้างเสร็จไตรมาส 2 ปี 2570