เฟรเซอร์สฯสร้างมาตรฐานอสังหายั่งยืนชูศักยภาพกรุงเทพฯเทียบเมืองระดับโลก
ปณต สิริวัฒนภักดี ชูวิสัยทัศน์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยั่งยืนสร้างมาตรฐานใหม่ยกระดับศักยภาพกรุงเทพฯ ทัดเทียมเมืองระดับโลก ตั้งเป้าบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนปี 2050 เผย 14 ปีพัฒนา 7 โครงการโซนพระราม 4 พื้นที่รวม 2.9 ล้าน ตร.ม. มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้าน ชงรัฐหนุนแข่งสิงคโปร์
วานนี้ (3 ธ.ค.) “กรุงเทพธุรกิจ” จัดงาน “Sustainability Forum 2025 : Synergizing for Driving Business” ครั้งที่ 5 โดย “ปณต สิริวัฒนภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้กล่าวบรรยายในหัวข้อ “Sharing the Sustainable Society from the Experience”
ทั้งนี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เป็นการลงทุนในเครือทีทีซี มีการขยายงานตลอด 40 ปี ใน 4 ทวีป 20 ประเทศ มีการลงทุนใน 130 เมืองแบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งสร้างความยั่นยืนให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความยั่งยืนล่าสุดประเทศไทยมี SDGs SCORE ขึ้นเป็นอันดับที่ 45 ของโลกในปี 2567 ซึ่ง เฟรเซอร์สฯ ตั้งเป้าหมายเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2050
"การทำงานของเราเชื่อในประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ความยั่งยืนจะสำเร็จได้ต้องเข้าใจในพื้นฐานของแต่ละเมืองก่อนจากประสบการณ์การเป็น Global experiences, Local practices ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การขนส่ง ที่มีการเชื่อมโยงกันนำสู่การพัฒนาชีวิตผู้คน ทำให้เมืองมีความโดดเด่นขึ้น"
ยกตัวอย่าง การพัฒนาโครงการ Central Park ซิดนีย์ ออสเตรเลีย มูลค่า 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาแบบมิกซ์ยูสในซิดนีย์ที่ได้รับการจัดอันดับ Green Star 5 ดาว และการรับรอง LEED Platinum เป็นการพัฒนาโครงการที่ทำให้เมืองน่าอยู่ขึ้น จากประสบการณ์โครงการนี้ได้นำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพื่อเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง และยกระดับความเป็นเมืองของกรุงเทพฯ เป็น “MEGA CITY” เฉพาะกรุงเทพฯ มีสัดส่วนรายได้ 33% ของจีดีพี เป็นเมืองที่มีศักยภาพ ที่ผู้คนนิยมเข้ามาเที่ยวมากที่สุดในโลก
"ความฝันจะเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยแห่งความสำเร็จ เรานำความคิดนี้มาพัฒนาเมืองกรุงเทพฯ ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคและการพัฒนาเมืองให้ยั่งยืน"
14ปี ปั้น 7 โครงการโซนพระราม 4
ปณต กล่าวต่อว่า ด้วยความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจประเทศไทยจะเติบโตกลายเป็นเซ็นเตอร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ช่วง 14 ปีที่ผ่านมา เฟรเซอร์สฯ จึงได้พัฒนา 7 โครงการ โซนพระราม 4 ซึ่งเป็นหัวใจของกรุงเทพฯ โดยใช้ประสบการณ์กว่า 20 ปี ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในเมืองพื้นที่อาคารรวมกว่า 2,948,490 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 152,061 ล้านบาท ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า เสริมความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน รองรับดีมานด์ของผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่นี้
"ศักยภาพของคอร์ริดอร์กลางเมืองที่มีการเติบโตที่ดี คือ วงแหวนสีน้ำเงิน หรือเส้นทางวิ่งของ MRT เปรียบเป็น Circle LINE ของกรุงเทพฯ และเป็นลูปที่เชื่อมต่อของเมืองทางฝั่งธนบุรีกับทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ"
เซตมาตรฐานตอบโจทย์ความยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะมีการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ การสร้างแนวคิดในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ “มาตรฐานใหม่” เชื่อว่า กรุงเทพฯ พร้อมแล้วที่เซตมาตรฐานทัดเทียมระดับโลก
"เราสร้างมาตรฐานใหม่ในการสร้างอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ ตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยนำมาตรฐานที่ไม่เคยใช้มาใช้ เช่น LEED for Neighbourhood Development ซึ่ง วัน แบงค็อก เป็นโครงการแรกที่ได้รับการรับรอง LEED Neighbourhood ระดับ Platinum ซึ่งเป็นการรับรองประสิทธิภาพสูงในการใช้พลังงานและน้ำ การจัดการขยะ และคุณภาพอากาศภายในอาคาร รวมถึงผังเมือง พื้นที่สีเขียว"
นอกจากนี้ พยายามนำมาตรฐานใหม่มาพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เกิดความยั่งยืนมากขึ้น เช่น WELL Building Standard คือ เกณฑ์การประเมินการสร้างอาคารที่มีสุขภาวะที่ดี อากาศ น้ำ สาธารณูปโภค แสง การออกกำลังกาย สภาพแวดล้อม และจิตใจให้กับอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้เครื่องมือและข้อมูลในการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิตและลดต้นทุน
พร้อมกันนี้ มีการสร้างระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ขนาดใหญ่กลางในเมือง ที่สามารถจ่ายน้ำเย็นได้ทั่วทั้งโครงการ ซึ่งช่วย ลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยน้ำเย็นที่มาจากระบบจะช่วยให้สภาพแวดล้อมภายในโครงการเย็นสบายสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยระบบนี้ถูกดำเนินการและดูแลโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Tokyo Gas พันธมิตรธุรกิจผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และระบบโครงการ
"เราพยายามสร้าง ESG Goals ในองค์กร เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างมาตรฐานความยั่งยืน โดยมีการศึกษาข้อมูลและแนวคิดในการพัฒนาโครงการในโซนพระราม4 ตอบโจทย์การลงทุน เชื่อมเมืองให้เกิดศักยภาพมากขึ้น จากการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสใจกลางเมือง ทำให้เกิดประโยชน์ มูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ"
กรุงเทพฯ มีโอกาสแข่งขันสิงคโปร์ได้
ปณต ยังระบุว่า แม้วันนี้อสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ จะมีมูลค่าน้อยกว่าสิงคโปร์ถึง 10 เท่า แต่รายได้กลับต่างกันเพียง 4 เท่า แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก หากรัฐส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและสร้างกลไกสนับสนุนที่เหมาะสม อสังหาริมทรัพย์ไทยจะสามารถเติบโตและแข่งขันในระดับสากลได้ แต่สิ่งที่สำคัญสุดคือการสร้างเมืองให้มีความยั่งยืน สร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ในอดีตอสังหาริมทรัพย์สร้างขึ้นจากผู้ลงทุนหรือเจ้าของ แต่วันนี้เฟรเซอร์สฯ มองลูกค้าเป็นสำคัญ (Customer-centric) “ไม่ใช่” มองแค่มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ต้องใช้การออกแบบเพื่อต่อยอดมากกว่าการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ยกตัวอย่าง โครงการ วัน แบงค็อก จะมีพื้นที่สีเขียวมากถึง 50% ของพื้นที่ทั้งหมด เป็นต้น
"หัวใจสำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสู่ความยั่งยืน คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยมาตรฐานใหม่ ด้วยศักยภาพของมหานครกรุงเทพไม่ได้ด้อยไปกว่าที่ใดในภูมิภาคนี้"
ดังนั้น การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนต้องเริ่มจากการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างพื้นที่สีเขียว และความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งจะช่วยลดอุณหภูมิของเมือง และเพิ่มคุณภาพชีวิตในระยะยาว ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงเป้าหมายสำคัญในการสร้าง “คุณภาพ” และ “ความยั่งยืน” เป็นหัวใจของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต