ไซมิสเบรกเปิดโครงการใหม่ปี68หันลุย‘อินเวสเมนต์โปรแกรม-ขายโรงแรมลดหนี้’
‘ไซมิส แอสเสท’เบรกเปิดโครงการใหม่ ปี68 หันลุย‘อินเวสเมนต์โปรแกรม-ขายโรงแรมลดหนี้’ฝ่า “ปัจจัยลบ” ต่อเนื่อง จากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินเข้มปล่อยสินเชื่อ
KEY
POINTS
- แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ยังคงมี “ปัจจัยลบ” ต่อเนื่อง จากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอดปฏิเสธสินเชื่อสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินเข้มปล่อยสินเชื่อ
- ขณะที่การระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้ยากขึ้น
- ไซมิส แอสเสท แก้เกม พร้อมเพิ่มสภาพคล่อง ด้วย อินเวสเมนต์ โปรแกรม ขายโรงแรมลดหนี้
ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2568 ไม่มีแผนเปิดโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมใหม่! เพราะตลาดยังไม่ฟื้นตัวดี ยังมีปัญหาขอสินเชื่อไม่ผ่านโดยเฉพาะกลุ่ม 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือน ยอดปฏิเสธสินเชื่อยังคงสูง และความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทยังมีโครงการเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ จึงไม่จำเป็นต้องเปิดโครงการใหม่เพิ่ม โดยมีโครงการเก่า “บ้าน” และ “คอนโดมิเนียม” มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท เพียงพอที่รองรับความต้องการของลูกค้า
“หนี้ครัวเรือนสูงสวนทางรายได้ที่ไม่เติบโต และความไม่แน่นอนต่างๆ ทำให้บริษัทต้องปรับแผนธุรกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยแผน 3 ปีจากนี้ (2568-2570) บริษัทชะลอการลงทุนซื้อที่ดินมาพัฒนาโครงการใหม่ และเน้นพัฒนาโครงการจากที่ดินที่มีอยู่”
ขณะเดียวกัน ได้เปิดตัวโปรแกรมการลงทุนในรูปแบบของ “Investment Program” เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย เน้นให้บริการแก่ลูกค้าที่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income เจาะลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยสร้างความแตกต่างด้วยการนำ “Branded Residences” แบรนด์"แคสเซีย" (Cassia) ในเครือบันยันกรุ๊ป เข้ามาสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อเพื่อลงทุน โดยรับประกันผลตอบแทนช่วง 5 ปีแรก 5% ต่อปี และปีที่ 6-15 ได้รับผลตอบแทนในรูปแบบการแบ่งผลกำไร (Profit Sharing) ตามผลประกอบการของโครงการ คาดการณ์ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ในระยะเวลา 15 ปี
นำร่องโครงการ “Cassia Rama 9 Bangkok” ทำเลพระราม9 ภายใต้โครงการ “แลนด์มาร์ค แอทเอ็มอาร์ทีเอ สเตชั่น” ซึ่งเป็นมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ บนที่ดินกว่า 13 ไร่ ทั้งหมด 3 อาคาร ประกอบด้วย Crowne Plaza Hotel, Cassia Rama 9 Bangkok และ Siamese Residence เพื่อแก้ Pain Point ของนักลงทุนต่างชาติและคนไทยในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์
“ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการแลนด์มาร์ค แอทเอ็มอาร์ทีเอ สเตชั่น แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางพระราม9”
นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการแนวราบ เช่น Siamese Blossom พหลฯ-วิภาวดี (บ้านแฝดและทาวน์โฮม) และ Siamese Holm พหลฯ-วิภาวดี (บ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ ใกล้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต) รวมถึงรายได้จากธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และเฮลท์&เวลเนส เป็นธุรกิจบริการที่ปรับตัวตามกลยุทธ์สร้างสมดุลรายได้ สะท้อนความสำเร็จในการปรับโมเดลธุรกิจเพื่อบริหารความเสี่ยงและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับ แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดเติบโตทำสถิติสูงสุด โดยประมาณการณ์รายได้ 1,600 ล้านบาท ผลักดันให้ภาพรวมของรายได้ปี 2567 อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรกมีรายได้ 3,294 ล้านบาท
ในปี 2568 ยังมีแผน “ขายโรงแรม” ในมือให้กับกลุ่มผู้ที่สนใจ เพื่อลดหนี้ และลดความเสี่ยง สร้างความมั่นคงทางการเงินมากกว่าการขยายธุรกิจท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวบริษัทจะเน้นให้ความสำคัญกับการลดหนี้เป็นหลัก เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน ทำให้ฐานะการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ปัจจุบันมีโรงแรมในพอร์ต 6-7 แห่ง รวมมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ที่สนใจติดต่อเข้ามาเจรจาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการศึกษาการจัดตั้งกอง REIT คาดว่าภายใน 3 ปีจากนี้บริษัทจะมีรายได้ 7,000 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือมูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท ทยอยรับรู้ในปี 2568 ทั้งหมด ทั้งยังมีสินค้าพร้อมขายในพอร์ตมูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท จาก 10 โครงการ เป็นแนวราบ 4 โครงการ และคอนโดมิเนียม 6 โครงการ