วีบียอนด์ปั้นแพลตฟอร์มProperty mallรับเทรนด์อสังหาฯNext Normal
หลังโควิด-19 เข้าสู่ ยุค Next Normalส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์มากขึ้นและกลายเป็น“โอกาส”เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำขึ้น
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนานกว่า 2 ปี เป็นปัจจัยเร่งให้ Proptech เข้ามามีบทบาทในตลาดที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งการทำการตลาดเชิงรุกผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ และการให้บริการเข้าชมโครงการที่อยู่อาศัยแบบ Virtualที่นำเทคโนโลยีมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าชมโครงการ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายที่อยู่อาศัย ท่ามกลางข้อจำกัดในการเข้าชมโครงการในช่วงที่การแพร่ระบาดเป็นไปอย่างรุนแรง
หลังจากความปกติถัดไป หลังโควิด-19 เข้าสู่ ยุคNext Normalส่งผลให้วิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป ผู้คนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์มากขึ้นและกลายเป็น“โอกาส”เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แม่นยำขึ้น
“วรเดช รุกขพันธุ์ ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีบียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ได้เผยถึงแนวคิดในการพัฒนาการซื้อ-ขายอสังหาฯ รูปแบบใหม่ ให้มีความน่าสนใจบนแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย อสังหาฯอัจฉริยะ ที่เรียกว่า “Property mall” ว่า จากประสบการณ์ในการเป็นตัวแทนนายหน้าอสังหาฯ ที่เข้าใจรูปแบบความต้องการของกลุ่มลูกค้าและเข้าใจตัวแทนขายอสังหาฯมาพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย อสังหาฯ
โดยใช้ระบบ AI เข้ามาช่วยในการจับพฤติกรรมไลฟ์สไตล์และความต้องการพื้นที่อยู่อาศัยของผู้ซื้อ ซึ่งระบบจะนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ ค้นหาบุคลิก, ค้นหาตัวตน ความชอบ กิจกรรมที่ชอบทำ, ค้นหาความต้องการ และหาบ้าน-คอนโดฯที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และรายได้ ประมวลออกมาให้ผู้เข้าใช้งาน
“ คล้ายกับ Booking.com หรือ Agoda.com ที่ลูกค้าสามารถเข้าชมรูปภาพห้องพักและดูราคา ก่อนจะกดจองที่พักในทำเลต่างๆที่ต้องการได้ทันทีผ่านระบบออนไลน์ ”
โดยช่วงแรกจะพัฒนาให้ “Property mall” เป็นรูปแบบเว็ปไซต์เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการบ้าน-คอนโดในโครงการที่ชอบ ผ่าน Virtual 360 องศา เหมือนเข้าไปอยู่ภายในโครงการจริง พร้อมดูรีวิวโครงการอย่างละเอียดได้ทันที จะทำให้ลูกค้าสามารถเลือกดูโครงการที่ชอบได้หลายโครงการ ในเวลาไม่นานเพื่อคัดกรองและลดระยะเวลาในการตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น
วรเดช ระบุว่า Property mall จะทำหน้าที่เสมือนเพื่อนคู่คิดในการค้นหาความต้องการให้ตรงกับลูกค้า พร้อมแนะนำและโปรโมชั่นที่เหมาะกับลูกค้าคนนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยลูกค้าสามารถกดจองได้ราคาพิเศษ และยังมีบริการให้คำปรึกษาจากตัวแทนขายอสังหาฯของวีบียอนด์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการแนะนำบ้าน-คอนโดฯในทำเลต่างๆ ให้คำแนะนำ
ปัจจุบันมีโครงการอสังหาฯ จำนวนกว่า 1,000 โครงการจาก50 กว่า บริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯชั้นนำของไทยที่เข้าร่วมในProperty mall เพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ซื้อ-ผู้ขาย ให้สามารถพบกันได้ง่ายขึ้นถือเป็น มิติใหม่ของการซื้อ-ขายอสังหาฯ ในอนาคตให้ง่ายขึ้นแค่คลิกเดียว ไม่ว่าจะเป็นแสนสิริ ,เสนาฯ อนันดา ,เอสซี แอสเสท ,แอสเซทไวส์ ,อัลติจูด ฯลฯ
และในเฟส2จะพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นคำสั่งเสียงออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานมากขึ้น รวมทั้งการเปิดให้นำบ้านเก่ามาแลกบ้านใหม่รองรับการขยายครอบครัว จากปัจจุบันที่เปิดให้บริการ 6 ฟังก์ชั่นบนแพลตฟอร์ม เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องอสังหาฯทั้ง ซื้อ -ขาย, เช่า, ซ่อม สร้าง ตกแต่ง, ลงทุน ,บ้านมือสองและ ประมูล
“เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนา Property mallให้เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยที่จะก้าวสู่การซื้อขายอสังหาฯในระดับโลก เพื่อสร้างพื้นฐานในมิติใหม่ให้ธุรกิจอสังหาฯไทยที่มีแนวคิดในการซื้อ-ขายที่แตกต่างและมีความโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นในตลาด และยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อยกระดับให้อาชีพนายหน้าอสังหาฯ ให้มีความทันสมัย พร้อมรับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป”
ด้วยการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ดีเวลลอปเปอร์ เพื่อขยายช่องทางขายให้ครอบคลุม ลดต้นทุนทางการตลาด และเพิ่มภาพลักที่ดีให้กับแบรนด์ในการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เป็น Millennials และ GenZ ที่จะเข้ามาเป็นกำลังซื้อสำคัญของตลาดที่อยู่อาศัยในอนาคต โดยพฤติกรรมของผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มนี้ จะเชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกมีความสำคัญมากขึ้น
ตั้งแต่การค้นหาที่อยู่อาศัย ที่จะใช้แพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลการประกาศขายให้เช่า ตัวแทนจับคู่ผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย กับเจ้าของที่อยู่อาศัย โดยไม่ผ่านนายหน้า เพื่อค้นหาที่ยู่อาศัยในทำเล และระดับราคาที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างสูงสุด ไปจนถึงกระบวนการซื้อที่อยู่อาศัย ที่จะเข้าชมที่อยู่อาศัยแบบ Virtual รวมถึงทำธุรกรรมทางการเงิน เช่น การกู้เงิน การประเมินมูลค่าที่อยู่อาศัย ผ่าน แพลตฟอร์ม ที่เป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมทางการเงินด้วยเช่นกัน
วรเดช กล่าวว่า 3 ปีต่อจากนี้ขยายตลาดออกไปในต่างจังหวัดครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เริ่มจากจังหวัดท่องเที่ยวก่อน และตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาดจะมีโครงการที่เข้ารวมใน Property mallทั้งหมด 70% ของดีเวลลอปเปอร์ทั่วประเทศ พร้อมดึงดีเวลลอปเปอร์ที่ยังไม่เข้าร่วมเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย ช่วยประหยัดค่าการตลาด คาดว่า จะสามารถมีส่วนแบ่งตลาด 5% ของตลาดบ้านมือหนึ่ง หมายความว่ามียอดขายมากกว่า50,000ล้านบาทจากแพลตฟอร์มถือเป็น“เครื่องยนต์”สำคัญในการผลักดันยอดขายให้กับโครงอสังหาฯในอนาคต
“ชยพล หรรรุ่งโรจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หนึ่งในบริษัทที่นำโครงการเข้าร่วมในแพลตฟอร์ม Property mallกล่าวว่า ถือเป็นการเพิ่ม “โอกาส”ในการขายสินค้าอีกช่องทางหนึ่ง นอกเหนือจากการใช้เอเจนท์ เหมือนกับการที่โรงแรมมีหลายช่องทางในการเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งนี้เนื่องจากไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนมาใช้ แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวกสบายในการใช้งานและคุ้นเคยมากขึ้น หลังจากเกิดโควิด -19
“ส่วนการที่เลือกใช้บริการแพลตฟอร์มProperty mall ถือเป็นการทดลองนำโครงการยูนิคอร์น ทีมีระดับราคา 3-5 ล้านบาทต่อยูนิตมานำเสนอ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เท่าที่ทราบทาง วีบียอนด์ มีฐานลูกค้าที่เป็นกลุ่มเอสเอ็มอีค่อนข้างมาก โครงการดังกล่าวน่าตอบโจทย์เพราะแทนที่จะลงทุนพัฒนาแอพพลิเคชั่นเองสู้ให้คนที่มีความเชี่ยวชาญชำชาญเฉพาะด้านทำจะดีกว่า ”