กางสรรพคุณ"น้ำมันสารสกัดกัญชาอภ." 4 ตัว ช่วยดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
“อนุทิน” เผย “น้ำมันสารสกัดกัญชา” ของอภ. ตำรับที่ 4 ผ่านเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพรแล้ว รอราชกิจจานุเบกษา ช่วยดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขณะที่ 3 รายการ นำใช้ดูแลผู้ป่วยแล้วช่วยคุณภาพชีวิตดีขึ้น ทั้งผู้ป่วยมะเร็งนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร-โรคลมชักในเด็ก
เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวว่า การนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของกระทรวงสาธารณสุขที่มีการขับเคลื่อนอย่างอย่างต่อเนื่องจนขณะนี้เห็นผลเป็นรูปธรรม มีคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบันให้บริการทั่วประเทศถึง 1,173 แห่ง มีการพัฒนาตำรับยาแผนไทย สารสกัดต่าง ๆ ซึ่งองค์การเภสัชกรรมเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่ร่วมดำเนินการ มีการปลูกกัญชาตามมาตรฐานทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย เป็นหน่วยงานแรกของประเทศและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์น้ำมันสารสกัดกัญชา ทางการแพทย์ล็อตแรก ให้แก่คลินิกกัญชานำร่องในทุกเขตสุขภาพ เริ่มจากระยะแรกเป็นน้ำมันสารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น สูตรที่มี THC เด่น สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด ภาวะปวดประสาท และมีการพัฒนาน้ำมันสารสกัดกัญชาชนิดหยดใต้ลิ้น สูตรที่มี CBD เด่น และสูตรที่มี CBD และTHC ในสัดส่วน 1:1 ส่งให้กับคลินิกกัญชาทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ ซึ่งกรมการแพทย์ได้ศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์สูตร THC เด่น และสูตร 1:1 ในผู้ป่วยประคับประคองหรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายพบว่าได้ผลดี ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
“น้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม ทั้ง 3 สูตรได้รับการบรรจุเป็นรายการยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ.2564 แล้ว โดยได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2564 ซึ่งไม่เพียงจะช่วยให้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษาสุขภาพได้มากขึ้น แต่ยังจะช่วยให้ประเทศชาติมีความเข้มแข็งทางยา ลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้ายาราคาสูงจากต่างประเทศ ได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อเข้าอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้และแพทย์สั่งใช้ ก็จะได้รับยาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในทุกสิทธิรักษาพยาบาลภาครัฐทั้งบัตรทอง ประกันสังคมและสวัสดิการข้าราชการ” นายอนุทินกล่าว
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ.และประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ในฐานะประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม ได้กำกับ ติดตามและสนับสนุนให้องค์การเภสัชกรรมวิจัยและพัฒนากัญชาทางการแพทย์มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการพัฒนาการผลิตและนำผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ทยอยออกสู่ตลาด เพื่อให้แพทย์ของคลินิกกัญชาแผนปัจจุบันโรงพยาบาลภาครัฐ126 แห่ง และโรงพยาบาลและคลินิกเอกชน 71 แห่ง นำไปใช้กับผู้ป่วย ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาได้การตอบรับเป็นที่น่าพอใจทั้งจากแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาและผู้ป่วยที่ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรม
ขณะเดียวกัน ได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาวิจัยประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ของการใช้น้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ เพื่อให้มีหลักฐานทางวิชาการรองรับ ซึ่งจากผลการศึกษาที่ปรากฏชัดเจน คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติจึงเห็นชอบให้น้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ทั้ง 3 รายการ บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร พ.ศ.2564 ซึ่งจะเป็นยาสำหรับใช้ในโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุข โดยมีสรรพคุณและข้อบ่งใช้ตามข้อกำหนดทางการแพทย์
นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า น้ำมันสารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมทั้ง 3 รายการ เป็นรูปแบบยาหยดใต้ลิ้น ประกอบด้วย น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC เด่น ใช้เสริมในการรักษาภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางจนถึงรุนแรง, น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD เด่น ตามโครงการของกรมการแพทย์ สำหรับรักษาโรคลมชักในเด็ก และน้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD และTHC สัดส่วน 1:1 ใช้รักษาเสริมในผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายที่นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร ปวดปานกลางถึงรุนแรง
นพ.วิฑูรย์ กล่าวด้วยว่า การใช้น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC เด่น ในคลินิกกัญชาทางการแพทย์ที่ผ่านมา พบว่าผู้ป่วยบางรายมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC สูงกว่าผลิตภัณฑ์เดิมที่มีความเข้มข้น 13 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยระยะสุดท้าย องค์การเภสัชกรรมจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันสารสกัดกัญชาสูตรใหม่ที่มี THC เข้มข้น 81 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เพื่อใช้เป็นการรักษาเสริมในภาวะคลื่นไส้ อาเจียนจากเคมีบำบัด ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะท้ายที่มีอาการนอนไม่หลับ เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดในระดับปานกลางจนถึงรุนแรง
ซึ่งผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์จากอย.แล้ว ปัจจุบันคณะอนุกรรมการประเมินรายการยาได้พิจารณาบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร และอยู่ระหว่างขั้นตอนการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป นับเป็นยาจากกัญชารายการที่ 4 ผลิตโดยอภ. ที่ได้บรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร
ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ อภ. กล่าวว่า หลักการรักษาผู้ป่วยมะเร็งตามข้อบ่งชี้นั้น ที่ผ่านมาจะใช้อยู่ 2 สูตร คือ 1.น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี THC เด่น และ 2. 3.น้ำมันสารสกัดกัญชาที่มี CBD และTHC สัดส่วน 1:1 แต่ที่ผ่านมามีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่สามารถรักษาตามสูตรดังกล่าวได้ เนื่องจากต้องใช้หลายหยดมาก โดยความเข้มข้นนี้ไม่ได้ ซึ่งขณะนั้นกรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ออกน้ำมันสกัดกัญชาสูตรความเข้มข้นสูง แต่ด้วยกำลังการผลิตจึงยังไม่เพียงพอ ดังนั้น ทาง อภ.จึงมาสนับสนุนช่วยเสริมตรงนี้ โดยสายพันธุ์กัญชาที่นำมาปลูกสามารถสกัดออกมาได้มาก จนได้สูตรที่ 4 ซึ่งมีความเข้มข้นมากกว่าของเดิมถึง 6 เท่า
“จากการที่นำ 3สูตรแรกไปใช้ในผู้ป่วยตามการสั่งจ่ายของแพทย์ ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อาการต่างๆหายเร็วขึ้นกว่าปกติ ซึ่งอภ.มีความพร้อมในการเตรียมกำลังการผลิตรองรับกับความต้องการใช้ของผู้ป่วย ซึ่งปริมาณการใช้ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเป็นสูตร CBD และTHC สัดส่วน 1:1 ใช้มากที่สุด โดย อภ.จะผลิตตามพรีออเดอร์ ความต้องการใช้ โดยสามารถเข้าไปดูในเว็บไซต์ขององค์การเภสัชกรรม https://www.gpo.or.th/ได้ว่า มีสถานพยาบาล หรือคลินิกไหนที่ใช้น้ำมันสกัดกัญชาของ อภ. จะมีการอัปเดตข้อมูลในเว็บไซต์ ส่วนอาการข้างเคียงไม่มาก ส่วนใหญ่มีอาการปากแห้ง คอแห้ง ส่วนการใช้สูตรที่ 4 ขณะนี้ยังไม่ได้มีการใช้ต้องรอการประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน”ภญ.นันทกาญจน์กล่าว