ศบค. เผย 1 มิ.ย. "เปิดประเทศ" นทท. เข้าไทยกว่า 19,767 คน
ศบค.เผย 'เปิดประเทศ' 1 มิ.ย. ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยทางอากาศ 19,767 คน สธ. เผย สถานบันเทิงทั่วประเทศ 3,761 แห่ง ลงทะเบียน ประเมิน Thai stop covid 2 plus 3,522 แห่ง 94% ทั้งหมดผ่านการประเมิน ย้ำปฏิบัติตามมาตรการ หากเสี่ยงต้องสั่งปิด
วันนี้ (2 มิ.ย.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กล่าวถึง มติที่ ประชุม ศบค. ยกเลิกกักตัวทุกรูปแบบ สำหรับคนไทยไม่ต้องลงทะเบียนผ่านระบบ Thailand pass และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศ โดยแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน และในส่วนของต่างชาติ มีการเตรียม 2 แบบ คือ VIP คือ มีใบรับรองฉีดวัคซีน และประกันชีวิตอย่างน้อย 10,000 เหรียญสหรัฐ ร่วมกับพาสปอร์ต
หากไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องผ่านแบบที่ 2 คือ TIP ต้องตรวจ PCR อย่างน้อย 72 ชม. ก่อนเข้าไทย หรือหากไม่ได้ตรวจ เมื่อมาถึงไทยต้องได้รับการตรวจ ATK ด้วยเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญ และการทำประกันชีวิต 10,000 เหรียญสหรัฐ ร่วมกับพาสปอร์ต
1 มิ.ย. เข้าไทยแล้ว 19,767 คน
สำหรับยอดนักเดินทางเข้าไทย 1 มิ.ย. หลังจากปรับระบบ เทสแอนด์โก และลงทะเบียนผ่าน Thailand pass มีผู้เข้ามาในไทยทางอากาศ 19,767 คน ฉีดวัคซีนครบ 19,713 คน เข้าระบบ TIP คือกลุ่มยังไม่ฉีดวัคซีน 54 คน
ผู้เข้าประเทศทางบก ผ่าน 34 ด่าน ผลการตรวจหาเชื้อรายงาน 2 คน ส่วนใหญ่พบผู้ติดเชื้อน้อยมากหลังจากยกเลิก เทสแอนด์โก
เปิดสถานบันเทิง พื้นที่สีเขียว-ฟ้า
ขณะเดียวกัน หลังจากมีมติเปิดสถานบันเทิง ผับบาร์ คาราโอเกะ พื้นที่สีเขียว 14 จังหวัด สีฟ้า 17 จังหวัด อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึงเวลา 24 นาฬิกา ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข ต้องประเมินการตรวจ Thai stop covid 2 plus ผู้ให้บริการต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และต้องตรวจ ATK สัปดาห์ละครั้ง
ล่าสุด กรมอนามัย รายงานในที่ประชุม EOC มีสถานบันเทิงทั่วประเทศที่ได้รับการประเมิน Thai stop covid 2 plus วันที่ 23-30 พ.ค.65 จาก 3,761 แห่ง มีจำนวน 3,522 แห่งหรือ 94% ที่ลงทะเบียน โดยทั้งหมดผ่านการประเมิน Thai stop covid 2 plus แล้ว 100%
ส่วนพื้นที่สีเขียวและสีฟ้า จำนวนสถานบันเทิงทั้งหมด 3,412 แห่ง ลงทะเบียน 3,196 แห่ง คิดเป็น 94% ทั้งหมดผ่านการประเมิน 100%
การติดตามหลังจากที่มีการเปิดผับ บาร์ คาราโอเกะ ศบค. ได้ให้ ศปก.มท. ร่วมกับกรมอนามัย ติดตาม สุ่มตรวจเป็นระยะ หากไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ต้องได้รับการตักเตือน แต่หากยังมีความเสี่ยงต้องปิดชั่วคราวให้ปรับปรุง
ปรับการรายงานผู้ติดเชื้อโควิด
สำหรับ "สถานการณ์โควิด-19" จะมีการปรับการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีอาการและไปรับการรักษาที่สถานพยาบาล ตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่วันนี้ 2,560 ราย ยอดรวมอยู่ที่ 2,234,145 ราย (ระลอก 1 ม.ค.65) รักษาในสถานพยาบาล 36,192 ราย อาการหนัก 846 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 417 ราย
แนวโน้มการป่วยหนัก ลดลงชัดเจน ทั้งผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ ตัวเลขผู้เสียชีวิต 34 ราย เสียชีวิตสะสม 8,383 ราย (ระลอก 1 ม.ค.65) คิดเป็น 0.11% ถือว่าแนวโน้มลดลง
เสียชีวิต 100% เป็นกลุ่มเสี่ยง
ผู้เสียชีวิตวันนี้ 34 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยง 100% โดยกว่า 82% เป็นกลุ่มสูงวัย 60 ปีขึ้นไป และกว่า 18% เป็นกลุ่มโรคเรื้อรัง โดยในจำนวนผู้เสียชีวิต 34 ราย กว่า 53% ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนหรือได้รับแค่เข็มเดียว ดังนั้น กลุ่มสูงอายุ และเด็กเล็กต้องมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น
ทิศทางโควิดไทยดีขึ้น
พญ.สุมนี กล่าวต่อไปว่า ทิศทางโควิด-19 ในไทยดีขึ้น จำนวนผู้ป่วยอาการหนัก เสียขีวิตลดลง แต่ขณะนี้มีมาตรการผ่อนคลายกิจกรรม มากขึ้นซึ่งอาจมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้บ้าง ขอให้คงมาตรการป้องกันตนเองแบบครอบจักวาลและฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ส่วนกระทรวงสาธารณสุขและสถานพยาบาล จะมีการเตรียมความพร้อมรับผู้ป่วย 3 พ คือ เตียงเพียงพอ ยาวัคซีนเพียงพอ และบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอ
สำหรับสถานประกอบการ โรงเรียน สถานที่ทำงาน ยังคงต้องอยู่ภายใต้ Covid Free Setting ตรวจโควิดเมื่อมีอาการเพื่อเตรียมความพร้อมอยู่ร่วมกับโควิดอย่างรู้ทันและอยู่กับโรคได้ ประชาชนปลอดภัย เศรษฐกิจเข้มแข็ง ประเทศไทยแข็งแรง เป็นเป้าหมายของ สธ.ในการดำเนินงาน รวมทั้งลดวันแถลงข่าวเหลือเดือนละ 2 ครั้ง