ถอดหน้ากากไม่ยาก ให้ประชาชนตัดสินใจ
"ภูเก็ต" ออกประกาศ "ถอดหน้ากากได้" ภายใต้ 4 เงื่อนไข ตั้งแต่ 1 มิ.ย. อดตั้งคำถามไม่ได้ว่าถึงเวลาหรือยังที่จะประกาศให้การ "สวมหน้ากากอนามัย" กลางแจ้งเป็นทางเลือก สวมก็ได้ถอดก็ได้ให้ประชาชนตัดสินใจได้เอง
เป็นข่าวฮือฮาเมื่อจังหวัดภูเก็ตออกประกาศคำสั่งจังหวัดภูเก็ต เรื่องมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สาระสำคัญคือ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. "ถอดหน้ากากได้" ภายใต้ 4 เงื่อนไข ได้ยินอย่างนี้หลายคนหูผึ่งเพราะเบื่อหน่ายกับการสวมหน้ากากอนามัยมาสองปีกว่าเต็มที ลองอ่านเงื่อนไขพบว่า ถอดหน้ากากได้เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้
1. ขณะรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม
2. ยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่รัฐ
3. ออกกำลังกาย อยู่ในที่โล่งแจ้งที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
4. บริเวณชายหาด สวนสาธารณะหรือ สนามกีฬาซึ่งห่างจากบุคคลอื่นไม่ต่ำกว่า 2 เมตร อดคิดไม่ได้ว่าข้อ 1 และ 2 เป็นเงื่อนไขแบบกำปั้นทุบดิน คงไม่มีใครสวมหน้ากากรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือการยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าที่ก็ต้องถอดอยู่แล้ว ส่วนข้อ 3 และ 4 ฟังดูมีเหตุผลขึ้นมาบ้าง
หากพิจารณาตัวอย่างจากต่างประเทศเงื่อนไขไม่ยาก แค่ประกาศว่าการสวมหน้ากากกลางแจ้งเปิดให้เป็นทางเลือกของประชาชน จะสวมก็ได้ไม่สวมก็ได้ใช้วิจารณญาณกันเอาเองไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด
บางประเทศก็มีเงื่อนไขขึ้นมาบ้างว่า ยกเว้นในอาหารและในรถสาธารณะที่ยังต้องสวมต่อไป เพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียใช้หลักการนี้ รวมถึงแนะนำผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ไอต่อเนื่องสวมหน้ากาก
ส่วนเดนมาร์ก เมื่อหลายเดือนก่อนเป็นประเทศแรกของสหภาพยุโรปที่ยกเลิกข้อจำกัดคุมโควิด-19 ทั้งหมดรวมทั้งการสวมหน้ากากแม้ว่าการติดเชื้อโควิด-19 (ณ ขณะนั้น) ยังค่อนข้างสูง แต่ทางการมองว่าโควิดไม่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงอีกต่อไป ประกอบกับอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศสูงแล้ว
สำหรับไทยที่วันนี้ประชาชนติดโควิดกันก็เยอะ ฉีดวัคซีนกันก็มาก หากรัฐบาลเชื่อมั่นในประชาชนก็ควรถึงเวลาประกาศให้การสวมหน้ากากอนามัยกลางแจ้งเป็นทางเลือก สวมก็ได้ถอดก็ได้ให้ประชาชนตัดสินใจได้เอง ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะท่ามกลางข่าว "ฝีดาษลิง" ที่ซ้ำซ้อนเข้ามา
เชื่อแน่ว่าอย่างไรเสีย คนไทยยังต้องระมัดระวังตัว สวมหน้ากากมาสองปีจนกลายเป็นอวัยวะที่ 34 (ถัดจากโทรศัพท์มือถือ) คงยากจะถอดกันง่ายๆ ประเด็นจึงอยู่ที่ความไว้ใจที่รัฐมีต่อประชาชนมากกว่า
ส่วนกรณีจังหวัดภูเก็ตเมื่อออกคำสั่งมาอย่างนี้จังหวัดอื่นๆ คงทำตามบ้าง กลายเป็นว่าจังหวัดโน้นก็ประกาศจังหวัดนี้ก็ประกาศ แล้วทำไมรัฐบาลไม่กำหนดนโยบายถอดหน้ากากออกมาครั้งเดียวครอบคลุมทั่วประเทศไปเลย ทำไมต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก
การปล่อยให้แต่ละจังหวัดออกคำสั่งสำคัญออกมาแบบนี้ชวนให้คิดต่อว่า ในเมื่อแต่ละจังหวัดมีศักยภาพกำหนดความเป็นไปในพื้นที่ของตนเองได้ ถ้าอย่างนั้นก็ควรเลือกตั้งผู้ว่าฯ ให้ประชาชนตัดสินใจอนาคตจังหวัดตนเองไปเลยดีไหม ก็ในเมื่อกรุงเทพฯ ทำได้ทำไมจังหวัดอื่นทำไม่ได้ เรื่องถอดหน้ากากกับเลือกตั้งผู้ว่าฯ ดูๆ แล้วไม่แตกต่างกัน