เตือน "โควิด-19" ยอดจริงมากกว่า 3 หมื่นต่อวัน จำนวนผู้ป่วยปีนี้แตะ 20 ล้านคน
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หรือ หมอนิธิพัฒน์ โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิด-19" เผยผู้ติดเชื้อรายวันยังมากกว่า 3 หมื่นราย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยปีนี้แตะ 20 ล้านคนพร้อมแสดงความคิดเห็นกรณีการปรับให้ "โรคโควิด-19" จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคเฝ้าระวัง
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หรือ หมอนิธิพัฒน์ หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กประเด็น "โควิด-19" เผยผู้ติดเชื้อรายวันยังมากกว่า 3 หมื่นราย พร้อมแสดงความคิดเห็นกรณีการปรับให้ "โรคโควิด-19" จากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคเฝ้าระวังที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2565 นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยอด โควิด-19 วันนี้ ติดเชื้อเพิ่ม 1,955 ราย ตาย 33 ราย
- ปรับลด "โควิด-19" จากโรคติดต่ออันตราย เป็นโรคเฝ้าระวัง ตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้
สถิติโควิดวันนี้ยังไม่น่าสบายใจ เหมือนท่าทางการถอยฉากเข้ามุมของผู้แทนกระทรวงหมอเมื่อวาน ที่เลี่ยงคำโรคประจำถิ่นไปเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งดูไม่ค่อยเข้าตากรรมการคนกลางอย่างผมซักเท่าไร ด้วยเหตุผล 3-4 ประการ
เริ่มจากอ้างว่าอัตราครองเตียงผู้ป่วยหนักยังไม่ล้นเกินศักยภาพ แต่ถ้าไปดูหน้างานจริง ที่ไม่ล้นคงเป็นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงหมอ ที่หน่วยเหนือสั่งให้เพิ่มเตียงได้ไม่จำกัด แต่หน่วยใต้ (บังคับบัญชา) ที่อยู่หน้างานหลังแอ่นเพราะงานอื่นนอกเหนือจากโควิดก็ท่วมท้น
ที่ว่าการเข้าถึงยาต้านไวรัสยามเจ็บป่วยของประชาชนมีความสะดวกแล้ว ขอให้เป็นจริงเถิด ทั้งในแง่ความถูกต้องเชิงวิชาการ ด้วยการทำความเข้าใจกับประชาชนว่าใครบ้างควรได้รับยา ไม่ใช่สร้างอุปสงค์เทียมแบบประชานิยมเช่นที่ผ่านมา และต้องเป็นจริงในแง่ระบบการจัดเตรียมสำรองยาที่จำเป็นและระบบส่งยาให้ถึงมือประชาชนโดยง่าย ไม่ให้เกิดการร้องเรียนผ่านสื่อที่เห็นบาดตาบาดใจกันอยู่บ่อยๆ
ส่วนที่ว่ามีการสื่อสารกับสังคมให้เข้าใจดีแล้ว ทั้งเรื่องประโยชน์ของวัคซีน การปฏิบัติตัวเมื่อติดเชื้อหรือเป็นกลุ่มเสี่ยง และกระบวนการดูแลรักษาตามระบบสุขภาพปกติ แต่ที่ควรเน้นกว่านั้นคือ ต้องเตือนประชาชนว่ายังมีผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่าสามหมื่นอยู่นะ มาตรการป้องกันโรคโดยเฉพาะการใส่หน้ากากในที่สาธารณะ และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมรวมตัวแบบเสี่ยง ยังเป็นเรื่องสำคัญที่การ์ดตกไม่ได้
ท้ายสุดคือไม่ได้พูดถึงมาตรการรองรับปัญหาลองโควิดให้ชัดเจน เพราะขนาดของปัญหาคงยิ่งใหญ่มาก นับเฉพาะปีนี้ ยอดผู้ติดเชื้อจนถึงวันนี้น่าจะถึง 20 ล้านคนแล้วมั้ง โดยเอาสิบคูณตัวเลขที่แถลงทางการวันนี้ว่ามียอดผู้ติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาลสะสมมาตั้งแต่ต้นปี 2,385,971 คน
ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในประเทศที่เก็บรวบรวมข้อมูลในระบบสุขภาพของประเทศได้ดีเพื่อใช้เป็นฐานในการวิจัยและพัฒนา ทีมนักวิจัยจากพื้นที่ตอนเหนือของประเทศนั้น ได้ทำการศึกษาโดยใช้แบบสอบถามทางออนไลน์ระหว่าง มีนาคม 2563 ถึง สิงหาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงการระบาดของสายพันธุ์แอลฟาต่อด้วยเดลตา
โดยสอบถามอาการต่างๆ ที่มาก่อนโควิดระบาดและอาการที่เกิดขึ้นภายหลัง มีคนที่เข้าร่วมเป็นโควิด 4,231 คน และไม่เป็น 8,462 คน โดยเป็นกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป พบอาการที่น่าจะเป็นผลหลงเหลือจากโควิดเองโดยตรง (ระยะเวลาติดตาม 3-5 เดือน) เกิดขึ้น 12.7% โดยพบอาการเหล่านี้ 21.4% ในคนที่เป็นโควิด และพบ 8.7% ในคนที่ไม่เป็น
นั่นหมายความว่าในช่วงโควิดระบาดหนัก ผลทางด้านจิตใจต่อคนที่ไม่เป็นโควิด ก็ทำให้คนทั่วไปมีอาการโน่นนี่นั่นเกิดขึ้นได้ไม่ต่างจากคนเป็นโควิด แต่อาจต้องระวังนิดนึงว่า เขาไม่ได้ตรวจเลือดยืนยันคนที่ไม่เป็นโควิดแต่มีอาการผิดปกติว่ามีการติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวหรือเปล่า สำหรับอาการที่พบบ่อยในการศึกษานี้คือ เจ็บหน้าอก หายใจลำบากหรือหายใจขัด ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ จมูกไม่รับกลิ่นลิ้นไม่รับรส ปวดแสบปวดร้อนแขนขา จุกในคอ และอ่อนเพลียเหนื่อยล้า
CR เฟซบุ๊ก หมอนิธิพัฒน์