พัฒนาการก้าวล้ำ ของการปลูกผมในเมืองไทย (Advertorial)
คนที่สนใจจะทำศัลยกรรมปลูกผม ต้องพิจารณาเลือกให้ดี เพราะรากผมของเรา ทำแล้วหมดไป ถ้าทำไม่ดีตั้งแต่แรก การแก้ไขจะยากขึ้นเรื่อยๆ
พัฒนาการการทำศัลยกรรมปลูกผมของไทย ก้าวไปอีกขั้นและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เมื่อมีการนำ “หุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS” ที่เป็น “Robot Hair Transplant” เพียงตัวเดียวในโลกที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) เข้ามาใช้
ความน่าสนใจของ “ARTAS” มิใช่เพียงเพราะนี่คือเทคโนโลยีใหม่ที่โลกกำลังสนใจ หากแต่อยู่ที่ความสามารถในการเจาะย้ายรากผมได้ด้วยความแม่นยำสูง มีอัตราทำลายรากผมต่ำเพียง 2-8% ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสความสำเร็จในการทำศัลยกรรมปลูกผมที่เพิ่มขึ้น
• “ปลูกผม” ละเอียดอ่อนกว่าศัลยกรรมทั่วไป
นพ. ธิติวัฒน์ วีรโรจน์รัชกุล เจ้าของบริษัท Million Hairtransplant Center (MHC) ผู้นำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS เข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นแห่งแรก และถือเป็นแห่งที่ 3 ในเอเชีย ให้ความรู้ถึงหัวใจสำคัญของศัลยกรรมปลูกผมที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก
“ศัลยกรรมความงามอื่นๆ ทำไม่ดีอาจรื้อทำใหม่ได้ เช่นทำจมูก แต่การปลูกผมไม่เปิดโอกาสนั้น เพราะใช้รากผมของคนไข้เอง โดยย้ายรากผมจากบริเวณที่มีความแข็งแรง (Safe Zone) ไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งรากผมของคนเรามีอยู่จำกัด ใช้แล้วหมดไป ถ้าบังเอิญไปทำศัลยกรรมปลูกผมแล้วผมไม่ขึ้น ก็เท่ากับเสียไปเลย เราจะเหลือรากผมที่ใช้ได้ น้อยลง และแม้เราจะไม่สามารถบอกได้ว่าปลูกผมแล้วผมจะขึ้นได้ทั้งหมด 100% แต่โดยส่วนใหญ่ก็ควรขึ้นเกิน 80%”
การตัดสินใจปลูกผมจึงต้องเลือกอย่างดีที่สุด เพื่อไม่ซ้ำเติมปัญหาเดิมที่คนไข้มีมาก่อนแล้ว
• “ARTAS”.. ปิดช่องว่าง Human Error
ก่อนไปทำความรู้จักกับหุ่นยนต์ ARTAS คุณหมอธิติวัฒน์ เล่าภาพรวมของเทคนิคการปลูกผมที่ทั่วโลกใช้อยู่ในปัจจุบันว่ามี 2 วิธีคือ การผ่าตัดย้ายรากผม (F.U.T.) และการเจาะย้ายรากผม (F.U.E.)
ทั้งสองวิธีมีข้อดี ข้อจำกัด และความเหมาะสมในการแก้ปัญหาต่างกัน เช่น การผ่าตัดย้ายรากผมทำได้เร็ว แต่มีแผลเป็นยาว ขณะที่วิธีเจาะย้ายรากผมใช้เวลาทำนานกว่า แต่แผลจะเป็นจุดเล็กๆ จึงได้รับความนิยม แต่การใช้เวลาทำนานก็เป็นข้อด้อย เพราะธรรมชาติการทำงานของมนุษย์ เมื่อเกิดความล้า โอกาสผิดพลาดจะเกิดขึ้นง่าย ซึ่งถือว่าเป็น Human Error
มีงานวิจัยพบว่า เมื่อต้องเจาะย้ายรากผมต่อเนื่องเป็นเวลานาน หากผู้ทำเป็นแพทย์ที่ชำนาญ อัตราการทำลายรากผมจะอยู่ที่ประมาณ 10% แต่หากไม่ชำนาญ อัตราทำลายรากผมอาจสูงถึง 20% ขณะที่การใช้หุ่นยนต์จะมีอัตราการทำลายรากผมลดลงเหลือเพียง 2-8% ขึ้นอยู่กับสภาพหนังศีรษะของคนไข้
• เทคโนโลยีที่มาพร้อม “ARTAS”
ไม่เพียงหุ่นยนต์จะตัดปัญหา Human Error แต่เทคโนโลยีที่ทันสมัยยังทำให้ ARTAS เป็นหุ่นยนต์ปลูกผมที่เสมือนมีตา มีสมอง และทำงานเองได้
“ที่ตัว ARTAS จะมีกล้องโทรทัศน์ทำหน้าที่จับภาพรากผมด้วยเทคนิค Image Guide Technology กล้องจับภาพมิติรากผมว่าทำมุมเอียงกี่องศา ข้อมูลนั้นจะถูกส่งไปประมวลผลในระบบที่เป็นสมองของหุ่นยนต์ แล้วปรับหัวเข็มให้ตรงทิศทางของรากผม จึงเป็นความอัจฉริยะที่เขารู้ว่าจะต้องเบี่ยงทิศทางของเข็มในการเจาะเข้าไปอย่างไร เพื่อให้โอกาสทำลายรากผมน้อยที่สุด โดยแพทย์ก็จะเพียงคอยดูว่าหุ่นยนต์ทำงานได้เป็นปกติดีหรือไม่ และดูแลความปลอดภัย”
สำหรับเข็มเจาะรากผมของ ARTAS มีขนาด 1 มม. ซึ่งเหมาะสำหรับเจาะรากผมคนเอเชียหรือคนยุโรปได้ โดยที่โอกาสทำลายรากผมน้อยลง และได้เนื้อมาพอสมควร เมื่อนำมาปลูกจึงมีโอกาสรอดมากขึ้น“การทำงานของหุ่นยนต์นี้มีความแม่นยำสูง ทำงานได้เร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์กับคนไข้ เพราะใช้เวลาน้อยลง รากผมก็มีโอกาสรอดมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีกว่าด้วย”
• ก่อนถึงเมืองไทย
ย้อนที่มาก่อน ARTAS จะเข้าสู่เมืองไทย คุณหมอเล่าว่าได้เดินทางไปดูงานที่อลาสก้า ประเทศสหรัฐอเมริกา จึงได้พบตัวจริงของหุ่นยนต์นี้ และถึงเวลานี้ หากพูดถึงขั้นตอนการปลูกผม ARTAS ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก
มอง ARTAS อย่างรอบด้าน เพราะโลกนี้ไม่มีสิ่งใดดีไปทั้งหมด ย่อมมีข้อจำกัดบางประการในตัวเอง คุณหมอกล่าวว่าข้อจำกัดของ ARTAS คือ เป็นเทคโนโลยีที่มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งตัวเครื่อง และกระบวนการทุกอย่าง และในการเจาะรากผมด้วย ARTAS ก็จำเป็นต้องโกนผมด้านหลังค่อนข้างมาก ผู้ชายจึงยอมรับวิธีนี้ได้มากกว่าผู้หญิง
ปัจจุบัน ARTAS เป็นหุ่นยนต์ปลูกผมเพียงตัวเดียวที่องค์การอาหารและยา แห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ให้การรับรองเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานกับมนุษย์ โดยขณะนี้รับรองการนำไปใช้ในการปลูกผมให้กับผู้ชาย ส่วนการรับรองการปลูกผมสำหรับผู้หญิงยังอยู่ระหว่างดำเนินการขั้นต่อไป และเป็น ARTAS นี่เองที่ดึงดูดชาวต่างชาติให้เดินทางเข้ามาทำผมที่ MHC มากขึ้น
“ARTAS เป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกตื่นตัวกันมาก จึงมีคนสนใจตามข้อมูลว่ามีการนำหุ่นยนต์นี้มาใช้ที่ไหนบ้าง ที่ไหนอยู่ใกล้เขาก็จะตามมาทำ”
• เทรนด์การปลูกผมของไทย
จับเทรนด์วันนี้ พบว่าคนไทยเริ่มทำความเข้าใจกับศัลยกรรมการปลูกผมมากขึ้น“สมัยก่อนมักเป็นคนอายุมาก หรือคนที่มีภาวะผมร่วงผมบางเยอะๆ จะมาทำ แต่ปัจจุบันคนที่มาทำศัลยกรรมปลูกผมมีอายุลดลง เป็นวัยทำงาน วัยรุ่นก็มี เพราะต้องการให้บุคลิกดีขึ้น บางคนอยู่ในวงการบันเทิง ต้องการปลูกผมให้ดูดีขึ้น สร้างความมั่นใจ”
ซึ่งการเป็นเรื่องใหม่ที่เราเพิ่งจะทำความเข้าใจนี่เองจึงมีหลายอย่างที่เราอาจไม่รู้และเข้าใจผิด คุณหมอจึงย้ำว่า ผู้สนใจทำต้องหาความรู้ให้มากๆ และเข้าไปคุยกับคุณหมอ อะไรที่ไม่แน่ใจไม่เข้าใจก็ถามให้เคลียร์ และลองปรึกษาหลายๆ แห่ง
“คนที่สนใจจะทำศัลยกรรมปลูกผม ต้องพิจารณาเลือกให้ดี เพราะรากผมของเรา ทำแล้วหมดไป ถ้าทำไม่ดีตั้งแต่แรกการแก้ไขจะยากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายอาจต้องไปใส่แฮร์พีซ”
• MHC Change your life
จากประสบการณ์การทำงานนี้ คุณหมอเผยว่า ไม่เพียงภูมิใจที่เห็นงานสำเร็จ แต่เขาและทีมงานภูมิใจที่มีโอกาสช่วยคนไข้เปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น
“ส่วนใหญ่คนไข้ที่มาหาเรา เขามีความทุกข์ที่เจอมากสุดคือ คนล้อ ขาดความมั่นใจ บางคนไม่กล้าส่องกระจก ไปทานข้าวกับเพื่อนก็ไม่อยากถ่ายรูป บางคนเรียนเก่ง แต่สมัครงานที่ไหนก็ไม่ค่อยได้ ขณะที่อีกคนอาจด้อยกว่าเขานิด แต่บุคลิกดีกว่า ก็ได้งานไป นี่คือสิ่งที่คนไข้บ่นกับเรา เคยมีคุณพ่อคุณแม่พาลูกอายุ 18-20 ปีมาหาเรา เพราะน้องมีปัญหาเรื่องเส้นผม
ขาดความมั่นใจมากถึงขั้นเรียนไม่ได้ พ่อแม่ก็พามาทำศัลยกรรมปลูกผมให้ เมื่อทำแล้วปรากฎว่าผลการเรียนดีขึ้น เพราะเขามั่นใจมากขึ้น”
จึงเป็นที่มาของคำแห่งความภาคภูมิ “MHC Changeyour life” และวันนี้คุณหมอยังพยายามสร้าง Communityเล็กๆ ให้คนไข้ได้มาพบปะกัน
“เราจัดห้องทรีตเม้นท์อบ Low Level Laser Theraphyให้กับคนไข้ที่ปลูกผมไปแล้วฟรี ตรงนี้เป็น Community เล็กๆ ที่ทำให้คนไข้ได้มาเจอกัน คุยกัน จะได้รู้ว่าไม่ได้เผชิญปัญหานี้คนเดียว การปลูกผมไม่ใช่เรื่องน่าอายเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อมีปัญหาก็มาแก้ไข บางคนมาเป็นเพื่อนกันที่นี่ การที่เขาเข้ามายังมีข้อดีที่เราได้ติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพราะหลังการปลูกผม ถ้าดูแลตัวเองถูกต้อง ผมที่ปลูกไปก็จะขึ้นได้ดี”
• ก้าวที่พร้อมทะยาน
พร้อมๆ กับฝีมือของศัลยแพทย์ปลูกผมในประเทศไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสูง ในโอกาสที่ตลาดอาเซียนเปิดกว้างมากขึ้นนี้ คุณหมอเผยว่า สิ่งที่ MHC ทำขณะนี้คือ พัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด แข็งแรงที่สุด
เราพัฒนาตัวเองทุกวันเพื่อทำให้ดีที่สุด ทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ก็ได้รับการพัฒนาฝึกอบรม เราส่งพยาบาลไปเข้าเวิร์คช้อปที่ต่างประเทศ ซึ่งเขาจัดทุกปี คนที่เก่งก็จะมาพัฒนาคนที่เก่งรองๆ ลงมา เพื่อให้ทีมของเราแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆขณะเดียวกันเราก็แสวงหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์กับคนไข้มากที่สุด โดยพยายามทำราคาไม่ให้สูงเกินไป แต่ก็ให้เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่นำมาใช้
วันนี้ทีมของเราทำศัลยกรรมปลูกผมระดับพื้นที่ใหญ่ๆ 2000-4000 grafts เรียกว่า Mega Session 4000 grafts ขึ้นไป ถึงจะเป็น Giga Session ได้ ทำกราฟเยอะ ทำได้แน่น ใกล้เคียงธรรมชาติ ซึ่งทีมที่ทำได้ขนาดนี้ในโลกมีไม่เยอะ แต่เราเป็นคลีนิคหนึ่งในเมืองไทยที่ทำได้
“วันนี้ศักยภาพการทำคลีนิคปลูกผมของเราไม่แพ้ใคร เราใช้เทคนิคที่ดีที่สุด ทำได้รวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าพอใจ ผลแทรกซ้อนต่างๆ ก็น้อยมาก เรียกว่าแทบจะไม่มีเลย เราจึงเชื่อมั่นว่า ทีมของเราพร้อมที่จะเปิดรับทุกโอกาส”
พัฒนาการของหุ่นยนต์ปลูกผม ARTAS
ปี 2556-2557 อยู่ใน Stage 1 คือ สามารถเจาะรากผมแทนมนุษย์ได้
ปลายปี 2557 จะพัฒนาสู่ Stage 2 ที่สามารถเจาะรูสำหรับใส่รากผมแทนมนุษย์ได้ โดยแพทย์จะออกแบบแนวผมแล้วหุ่นยนต์ทำหน้าที่เจาะเอง
ปี 2561 ARTAS จะพัฒนาสู่ Stage 3 สามารถทำหน้าที่ปลูกผมได้
ARTAS เป็นหุ่นยนต์ปลูกผมที่จะมีการพัฒนาต่อเนื่องซึ่งแต่ละขั้นตอนต้องใช้เวลาและข้อมูลในการพัฒนา คาดว่าเมื่อถึงปี 2561 ที่ ARTAS ทำหน้าที่ปลูกผมเองได้ วันนั้น ARTAS อาจมีรูปร่างเปลี่ยนไป เช่น มีอาร์มเพิ่มขึ้นในการเจาะ