ผลักดันทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก
นักวิชาการทางทะเลและชาวประมงพื้นบ้านตรังผลักดันทะเลอันดามันขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างมูลค่าทรัพยากรธรรมชาติ
ตามที่คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้เสนอให้นำทะเลฝั่งอันดามันไทยขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อที่ประชุม สปช. เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 15 เมษายน 2558 ซึ่งหากได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกจะทำให้ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติแห่งที่ 3 ของประเทศ และจะทำให้ประเทศไทยมีเขตมรดกโลกทางทะเลเป็นแห่งแรกของประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ 11,734 ตร.กม. และจะได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆตามมาอีกมากมาย เกิดการขยายตัวของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน กล่าวว่า มรดกโลกถือเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะทำให้เราและทั่วโลกเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ ส่วนตัวก็เชื่อว่าอย่างจังหวัดตรังเรามีพะยูนเป็นสัตว์ทะเลหายากฝูงใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยพื้นที่ที่เป็นแหล่งอาศัยของพะยูนเรามีขบวนการทำงานอนุรักษ์ตั้งแต่ระดับชุมชนจนถึงระดับภาครัฐได้อย่างจริงจังเข้มข้น การที่เราผลักดันให้พื้นที่เหล่านี้เป็นที่พื้นที่มรดกโลกได้ก็จะเป็นการแสดงให้ทั่วโลกรู้ว่าเรามีกระบวนการทำงานในเชิงอนุรักษ์ได้เข้มข้นมากน้อยแค่ไหน และการที่จะเป็นพื้นที่มรดกโลกนั้นก็จะผลักดันให้เรามีความเข้มแข็งและมีความต่อเนื่องในการทำงานในเชิงอนุรักษ์มากขึ้น ผลที่ได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทรัพยากรและระบบนิเวศ ซึ่งพอมีระบบนิเวศระบบทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์เข้มแข็งในการดูแลแล้ว สิ่งที่จะตามมาก็คือ เรื่องของเศรษฐกิจและสังคมที่จะดีขึ้นก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้เกิดความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป
นายอิสมาแอน เบ็ญสะอาด นักวิชาการท้องถิ่น และเครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า ในแง่ของการตุ้มครองพื้นที่ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะต้องไปศึกษาในรายละเอียดว่าจะมีผลกระทบอะไรต่อชาวบ้านบ้าง แต่โดยภาพรวมทั่วไปมองว่า เมื่อนานาชาติให้การรับรองลงทุนมาคุ้มครองสมบัติของประเทศชาติให้เป็นสมบัติของโลกถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่กับการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดของฝ่ายต่างๆที่อาจจะลงมาเพื่อเก็บข้อมูลนั้น จะต้องดูในเนื้อหาและรายละเอียดของโครงการว่าเขาจะทำในเรื่องอะไรบ้าง ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่มีผลกระทบกับชาวบ้านและชุมชนทุกคนก็พร้อมจะให้ความร่วมมือ