กรม สบส.แจงเหตุไม่รับขึ้นทะเบียนหมอนวด
กรม สบส. เผยรับขึ้นทะเบียนหมอนวดทุกคนที่เรียนจบนวดจากสถาบันที่ผ่านการรับรองหลักสูตรแล้ว ทั้งของภาครัฐและเอกชน แต่ไม่รับขึ้นทะเบียนและไม่ออกใบรับรองการขึ้นทะเบียนหมอนวดที่จบจากสมาคมแห่งหนึ่งเท่านั้น เพราะถูกร้องเรียนว่าทำผิดกฎหมายแอบซื้อขายใบประกาศ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข เผยรับขึ้นทะเบียนหมอนวดทุกคนที่เรียนจบนวดจากสถาบันที่ผ่านการรับรองหลักสูตรแล้ว ทั้งของภาครัฐและเอกชน แต่ไม่รับขึ้นทะเบียนและไม่ออกใบรับรองการขึ้นทะเบียนหมอนวดที่จบจากสมาคมแห่งหนึ่งเท่านั้น เพราะถูกร้องเรียนว่าทำผิดกฎหมายแอบซื้อขายใบประกาศ มีพฤติการณ์ผิดปกติ ออกใบประกาศย้อนหลัง ทำผิดหลักเกณฑ์ ไม่สอนครบรายวิชา รับนักเรียนมากเกิน ส่งผลต่อคุณภาพหมอนวด และกระทบต่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยผ่าน
นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรม สบส.เปิดเผยว่าตามที่กฎหมายพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 กำหนดให้หมอนวดทุกรายที่ประสงค์ทำงานในร้านนวด/สปา ต้องขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการกับกระทรวงสาธารณสุข และต้องจบจากสถาบันที่กรมฯให้การรับรองหลักสูตรแล้วไม่ว่าจะเป็นจากสถาบันของรัฐหรือเอกชนก็ตาม โดยการยื่นคำขอขึ้นทะเบียน สามารถยื่นได้ที่กรม สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดได้ทุกจังหวัด ปัจจุบันมีการออกใบรับรองการขึ้นทะเบียน(สพส.14)ให้แก่หมอนวดที่ยื่นคำขอทั่วประเทศ จำนวนกว่า 70,000 ราย ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับใบ สพส.14 สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากเรียนจบจากสมาคมแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าสมาคมดังกล่าวจะได้รับการรับรองหลักสูตรจากกรม สบส.แล้วก็ตาม แต่มีการเปิดสาขาหรือศูนย์แฟรนไชส์ และให้ศูนย์ทำการสอนโดยไม่ขอรับรองหลักสูตรใหม่ ใบประกาศที่หมอนวดได้จากศูนย์ แม้ว่าจะออกในนามสมาคมแห่งนั้นก็ไม่สามารถใช้ขึ้นทะเบียนได้
ทั้งนี้ สถาบันหรือหน่วยงานใดๆก็ตาม ที่จะเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรเกี่ยวกับการนวด ต้องมีใบอนุญาตให้จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ต้องได้รับการรับรองหลักสูตรฯจากกรม สบส. เงื่อนไขการรับรองหลักสูตรคือ หากระบุสถานที่ตั้งใด ก็ให้เปิดการเรียนการสอนได้เฉพาะสถานที่ที่ระบุไว้ โดยวิทยากรที่จะสอนได้ก็ต้องเป็นวิทยากรตามรายชื่อที่ระบุ จำนวนผู้เรียนก็ต้องเป็นไปตามที่ให้การรับรองไว้เท่านั้น โดยเมื่อเรียนจบ ทางสถาบันต้องบันทึกข้อมูลผู้เรียนจบลงในระบบของกรม สบส.ด้วย เพื่อเป็นการยืนยันอีกขั้นว่ามีการเรียนจบหลักสูตรจริง ป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร (ศึกษาเพิ่มเติมใน www.thaispa.go.th) ทั้งนี้การนวดเป็นการกระทำต่อร่างกายคน มีผลกระทบต่อสุขภาพ จึงจำเป็นต้องมีการเรียนการสอนที่ถูกต้อง เป็นการคุ้มครองประชาชนให้ได้รับบริการที่มีความปลอดภัย
ด้านนายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล ผู้อำนวยการกองสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ กรมสบส.ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่ากรม สบส. ได้รับหนังสือร้องเรียนว่ามีการซื้อขายใบประกาศจากสมาคมที่เปิดสอนนวดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องทำการตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้เรียนจบจากสมาคมนั้นทุกหลักสูตรรวมแล้วเกือบ 100,000 คน และยังพบว่ามีการออกใบประกาศย้อนหลังอีกด้วย นับว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และยังมีผู้นำใบประกาศจากสมาคมนั้นมายื่นขึ้นทะเบียน โดยระบุว่าเรียนจบจากหลักสูตรเดียวกัน วัน/เดือน/ปีเดียวกัน จำนวนมากถึง 300-700 คน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะตามข้อกำหนดให้สมาคมดังกล่าวสอนได้ครั้งละไม่เกิน 7 คน/หลักสูตรเท่านั้น จากเหตุผลทั้งหมดที่กล่าวมา กรม สบส.จึงออกหนังสือแจ้งชะลอการรับขึ้นทะเบียนผู้ที่เรียนจบจากสมาคมนั้นทั้งหมด จนกว่าจะได้รับการชี้แจงจากสมาคม และชะลอการออกใบ สพส.14 ให้แก่ผู้ที่เรียนจบจากสมาคมที่เคยยื่นคำขอขึ้นทะเบียนมาก่อนหน้านี้ด้วย สำหรับหมอนวดที่ผ่านการอบรมมาอย่างถูกต้องที่ได้รับผลกระทบ กรม สบส.จะพิจารณาหาแนวทางเยียวยาให้ต่อไปภายใต้กรอบของกฎหมาย
ทั้งนี้ ยังพบว่ามีผู้เข้าใจผิดว่าสมาคมดังกล่าวนั้น เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จึงขอชี้แจงเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่าสมาคมแห่งนั้นเป็นหน่วยงานเอกชน ไม่ได้อยู่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และเป็นคนละหน่วยงานกับ “สภาการแพทย์แผนไทย” เพียงแต่มีชื่อคล้ายกันเท่านั้น