7วิธีขับรถ ช่วงฝนตก
กรมควบคุมโรค เตือนช่วงพายุและฝนตกหนัก ขอให้ประชาชนระมัดระวังอุบัติเหตุจากลมพายุ และอุบัติเหตุจราจร
วันนี้ (29 พฤษภาคม 2562) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วงนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ กรมควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากได้ นอกจากนี้ ขณะฝนตกฟ้าคะนอง ไม่ควรออกนอกบ้าน ซึ่งอาจเสี่ยงโดนฟ้าผ่าได้ และหากมีความจำเป็นต้องขับขี่ยานพาหนะ ควรเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากฝนที่ตกทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี ถนนเปียกลื่น อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
การเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุฝนฟ้าคะนอง นั้น หากประชาชนอาศัยอยู่บริเวณริมน้ำหรือในพื้นที่เสี่ยง ควรรีบเคลื่อนย้ายไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแล กรมควบคุมโรค แนะนำวิธีการป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า ดังนี้ 1.ห้ามอยู่ใกล้หรือใช้อุปกรณ์ที่เป็นสื่อนำไฟฟ้า เช่น เครื่องมือการเกษตร และโทรศัพท์สาธารณะ เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่เป็นแผ่นโลหะ ซึ่งเป็นสื่อนำไฟฟ้า 2.ควรหลบในอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า จะช่วยป้องกันอันตรายจากฟ้าผ่าได้ และไม่ควรใช้โทรศัพท์ เปิดคอมพิวเตอร์เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ หรืออยู่ใกล้ประตู หน้าต่างที่มีส่วนประกอบเป็นโลหะในขณะฟ้าร้อง ฟ้าผ่า 3.หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหาย และเกิดอันตรายขึ้นได้ และ 4.กรณีอยู่ในรถ ควรปิดกระจกทุกบาน หากฟ้าผ่าลงรถควรตั้งสติ ไม่ควรออกจากรถโดยเด็ดขาด เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลตามผิวโลหะของตัวถังรถจะไหลลงสู่พื้นดิน หากออกนอกรถจะมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าสูง ที่สำคัญอย่าสัมผัสส่วนที่เป็นโลหะ
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า หากประชาชนมีความจำเป็นต้องขับขี่ยานพาหนะ ขอให้ประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัย และปฏิบัติดังนี้ 1.เปิดไฟหน้ารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นได้จากระยะไกล 2.เปิดใบปัดน้ำฝน และควรปรับระดับความเร็วใบปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 3.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริเวณทางโค้ง เพราะมีน้ำขัง และอาจทำให้รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ 4.ให้ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าเพิ่มขึ้น เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะห่างในการหยุดรถเพิ่มขึ้น 5.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็น ต้องประเมินสถานการณ์หรือกะระยะทางข้างหน้าให้ปลอดภัย 6.กรณีรถลื่นไถล หรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยๆ เหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 7.เมื่อต้องขับรถผ่านบริเวณน้ำท่วมขัง ขอให้หยุดรถและประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำสูงไม่ควรขับรถฝ่าไป หากพบเห็นผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร. 1669 พร้อมแจ้งข้อมูลผู้ประสบอุบัติเหตุ และสถานที่เกิดเหตุ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422