ทส. เตรียมถกพัฒนาแหล่งชมวาฬบรูด้าเพชรบุรี เทียบชั้น เซบู ฟิลิปปินส์
รมว. ทส. กำชับเพิ่มความเข้มงวดดูแลฝูงวาฬบรูด้า หลังถูกเจ็ทสกีรบกวน
จากกรณีกลุ่มนักท่องเที่ยวขับเจ็ทสกีกว่า 20 ลำวนบริเวณหาดเจ้าสำราญ จ.เพชรบุรี เพื่อชมวาฬบรูด้าในช่วงเทศกาล “ชมวาฬ ทานปู”, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วราวุธ ศิลปอาชา กล่าวแสดงความกังวลในกรณีดังกล่าว โดยเกรงว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ฝูงวาฬและอาจถูกรบกวนการหากินจากเสียงเครื่องยนต์
ทั้งนี้ นายวราวุธกล่าวว่า ตนทราบเรื่องนี้จากรายงานด่วนของที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายยุทธพล อังกินันทน์ และได้สั่งการให้ที่ปรึกษา รมว.ทส. กำชับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลฝูงวาฬบรูด้าที่มาหากินบริเวณชายฝั่งจังหวัดเพชรบุรีแล้ว
นอกจากนี้ ยังกำชับให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้นักท่องเที่ยวถึงวิธีการชมวาฬที่ถูกต้องและไม่รบกวนวิถีชีวิตฝูงวาฬ ตามแนวทางการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างยั่งยืน
“ขอให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาชมวาฬบรูด้า มีจิตสำนึกในการท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์ด้วย เนื่องจาก การขับเจ็ทสกีวนรอบบริเวณที่อยู่อาศัยของวาฬบรูด้า จะสร้างผลกระทบโดยตรงต่อการหาอาหารและการอยู่อาศัยของวาฬในบริเวณดังกล่าว อีกทั้งอาจเกิดเหตุที่เป็นอันตรายต่อวาฬบรูด้า จึงอยากขอร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด” นายวราวุธกล่าว
นายวราวุธได้กล่าวถึงเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เป็นแหล่งดำน้ำชมฉลามวาฬที่มีชื่อเสียงระดับโลกว่า มีมาตรการที่เข้มงวดในการดูแลรักษาฝูงฉลามวาฬ โดยภาครัฐได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกฏระเบียบต่าง ๆ ตั้งแต่การห้ามทาครีมกันแดดลงดำน้ำ เพื่อป้องกันสารเคมีเจือปนน้ำทะเล ไปจนถึงการห้ามนำเรือติดเครื่องยนต์ออกไปชมฝูงฉลามวาฬ ต้องจ้างเรือพายเท่านั้น ซึ่งนอกจากจะลดความเสี่ยงในการรบกวนฝูงวาฬแล้ว ยังสร้างรายได้จากการรับจ้างให้ชาวบ้านท้องถิ่นด้วย
นายวราวุธกล่าวว่า จุดชมวาฬบรูด้า ที่เพชรบุรี ก็สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีชื่อเสียงเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เช่นเดียวกัน โดยตนจะประสานงานกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเพื่อหารือในเรื่องนี้ต่อไป
“ฝูงวาฬบรูด้าที่มาหากินที่ชายฝั่งทะเลเพชรบุรี ถือเป็นของขวัญที่มีค่าจากธรรมชาติ ฉะนั้นแล้ว นักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวาฬบรูด้า ต้องช่วยกันดูแลรักษา และปฏิบัติตามกฏระเบียบในการเยี่ยมชมด้วย
“ต้องคิดถึงคนอื่นและชาวบ้านในพื้นที่ที่อาศัยรายได้จากการท่องเที่ยวที่เกิดจากฝูงวาฬบรูด้า การเข้าไปรบกวนวิถีชีวิต หรือสร้างความตกใจให้ฝูงวาฬที่มีพฤติกรรมละเอียดอ่อนเท่ากับเป็นการขับไล่วาฬไม่ให้กลับมาที่นี่อีก" นายวราวุธกล่าว
หลังการสั่งการของนายวราวุธ ทางกรม ทช. โดยอธิบดีโสภณ ทองดี ได้สั่งการให้สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 3 (เพชรบุรี) ลงพื้นที่โดยด่วน โดยให้ออกเรือไปตักเตือนนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวไม่ให้นำขบวนเจ็ตสกีไปรบกวนวาฬอีก พร้อมประสานหน่วยงานเจ้าท่าในพื้นที่เพื่อตรวจสอบใบอนุญาตการใช้เรือและใบนายท้ายเรือของกลุ่มผู้ขับเจ็ทสกี
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ขับเจ็ทสกีได้ทราบและเข้าใจถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและพร้อมหยุดการกระทำดังกล่าวอย่างเด็ดขาด แต่หากกลุ่มเจ็ทสกีมารบกวนวาฬอีก ทางกรมฯ กล่าวว่าก็จะดำเนินการตามกฎหมายนี้อย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ อธิบดีกรม ทช. จะลงพื้นที่ในวันเสาร์นี้ เพื่อติดตามและพูดคุยกับชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งจะกำหนดแนวทางและมาตรการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อวาฬบรูด้าและทรัพยากรทางทะเลอื่น ๆ
ปัจจุบันวาฬบรูด้าได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์สงวน ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ในพื้นที่อ่าวไทยมีประชากรวาฬบรูด้าประมาณ 50 ตัว จากการสำรวจในแต่ละวัน อาจพบได้ตั้งแต่ 1 ตัว หรือมากถึง 10 ตัว ขึ้นกับปริมาณของปลาที่เป็นอาหาร
วาฬบรูด้า เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเล หายใจด้วยปอด เป็นวาฬชนิดที่ไม่มีฟัน แต่มีซี่กรองอาหาร ร่างกายของวาฬจะมีลักษณะเด่น คือ มีสันนูน 3 สันบนส่วนหัว ผิวหนังเรียบ สีเทาดำ ท้องสีอ่อนหรือสีชมพู ขนาดโตเต็มวัยมีความยาวประมาณ 14-15 เมตร น้ำหนักประมาณ 20 ตัน ให้ลูกครั้งละ 1 ตัว ทุกๆ 2 ปี
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางระเบียบในการชมวาฬบรูด้าในอ่าวตัว ก. โดยอนุญาตให้เรื่องครั้งละไม่เกินสามลำลอยลำชมวาฬในพื้นที่ โดยความเร็วเรือต้องต่ำกว่า 7 น็อต ในรัศมี 400 เมตร และต่ำกว่า 4 น็อต ในรัศมี 100-300 เมตร
นอกจากนี้ ไม่ควรกระทำการใด ๆ ให้เกิดเสียงดังมาก เช่น การเร่งเครื่องยนต์เรือ การใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และการส่งเสียงดังของนักท่องเที่ยว