เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย ตัวช่วยป้องกัน “ฝุ่น-ไวรัสโคโรน่า”

เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย  ตัวช่วยป้องกัน “ฝุ่น-ไวรัสโคโรน่า”

12 บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เดินเครื่องผลิต หน้ากากอนามัย 1.4 ล้านชิ้นต่อวัน เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนในช่วงการระบาดของไวรัสโคโรนา และ ค่าฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน

1.4 ล้านชิ้นต่อวัน คือ กำลังการผลิตของ 12 บริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัย ที่มาประชุม ร่วมกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ องค์การเภสัชกรรม เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหน้ากากอนามัยในท้องตลาดขาดแคลนในช่วงที่มีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปอีก 20 % ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนได้

พร้อมทั้ง รณรงค์ให้บุคลากรในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการสัมผัสโรค เช่น คนที่ทำงานออฟฟิศ ไม่ได้อยู่ในห้องผ่าตัด ให้ใช้หน้ากากผ้า คาดว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้หน้ากากอนามัยชนิดกระดาษได้ประมาณ 2 แสนชิ้น

ขณะเดียวกันองค์การเภสัชกรรม(อภ.)ได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลล้างมือแอลกอฮอล์อีก 2 เท่าตัว จากปัจจุบันที่ผลิตชนิดใส ขนาด 60 มิลลิลิตร ได้ 7 แสนขวดต่อวัน ส่วนขนาด 450 มิลลิลิตร ผลิตได้วันละ 9 แสนขวด ส่วนชนิดสเปรย์ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะว่ามีในสต็อกเป็นล้านขวด รวมทั้งเจลล้างมือ เพราะองค์การสุราสามารถผลิตแอลกอฮอล์ทำความสะอาดได้ถึงวันละ 60 ตัน

158101417687

มาตรการดังกล่าวภาครัฐเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาหน้าหากอนามัยขาดตลาดได้ เพราะยังมีการออกกฎหมายให้หน้ากากอนามัย และเจลล้างมือเป็นสินค้าควบคุม ห้ามกักตุน ห้ามส่งออกนอกประเทศ หากจะส่งต้องขออนุญาตส่ง รวมถึงมีการจำกัดโควตาการซื้อของประชาชนไม่เกินคนละ 10 ชิ้น ต่อครั้งหากใครมีการกักตุนสินค้าเอาไว้จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้หากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติก็จะเลิกมาตรการจำกัดการซื้อ

  • อภ.กระจายหน้ากากให้กับประชาชน 

นายแพทย์วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้ประชาชนตื่นตัวในการใช้หน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมืออย่างมาก จึงได้เร่งเพิ่มการสำรองหน้ากากและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรคในรูปแบบต่าง ๆให้เพิ่มมากขึ้นตามอย่างต่อเนื่อง 

โดยแอลกอฮอล์เจล และหน้ากากอนามัย จัดจำหน่ายในราคาตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันได้แก่ แอลกอฮอล์เจลล้างมือ ชนิดหลอด ขนาด 50 กรัม แอลกอฮอล์เจลล้างมือชนิดขวดปั๊ม ขนาด 450 กรัม และ ขนาด 400 กรัม รวมถึงแอลกอฮอล์ขนิดใสสีฟ้า ขนาด 450 ml ขนาด 60 ml ที่สามารถใช้ฆ่าเชื้อโรคได้เช่นกัน 

ในส่วนของหน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรค ชนิดใยสังเคราะห์สีเขียวขาว ซึ่งเป็นชนิดที่มีความต้องการใช้สูง ได้จัดแบ่งบรรจุขายตามแนวทางของกระทรวงพาณิชย์ โดยบรรจุห่อ 10 ชิ้นต่อถุง เพื่อให้มีการกระจายสู่ประชาชนได้มากขึ้น

“ย้ำว่าการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆข้างต้นนั้น องค์การเภสัชกรรมยืนยันจัดจำหน่ายในราคาตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุข และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ควรล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากป้องกันเชื้อโรค กินร้อน ช้อนกลาง และ รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าว

แจกฟรีตามสถานีรถไฟฟ้า

ในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กรมแพทย์ทหารบก โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก จัดกำลังพลออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัย เริ่มต้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีประชาชนและนักท่องเที่ยวหนาแน่น วันที่6-8  ก.พ. กระจายไป 18 จุด จุดละ 2,500 ชิ้น รวม 45,000 ชิ้น โดย วันดีที่ 6 ก.พ ช่วงเช้า 07.00 - 09.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัย รร.สันติราษฎร์ฯ ช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ที่ตลาดประตูน้ำ สถานี BTS อารีย์ ถนนสีลม 

วันที่ 7 ก.พ. ช่วงเช้า 07.00-09.00 น. ที่ รร.สวนมิสกวัน สถานี BTS พญาไท สะพานควาย ช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ห้างมาบุญครอง ตลาดประตูน้ำ และสวนสันติภาพ และวันที่ 8 ก.พ. ช่วงเช้า 08.00 -10.0 น. ที่ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ตลาดนัดจตุจักร และตลาดราชวัตร และช่วงบ่าย 15.00-17.00 น. ห้างเซ็นทรัลเวิลด์สยามสแควร์ ตลาดศรีย่าน

158101417777

  • เสี่ยงน้อยใช้หน้ากากผ้า

อย่างไรก็ตามในส่วนของประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงในการสัมผัสโรค เช่น คนที่ทำงานออฟฟิศ แนะนำให้ใช้หน้ากากผ้าที่ทำจากผ้าป่านมัสลิน 2 ชั้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขังหญิง ทัณฑสถานหญิงกลาง ผลิตได้วันละประมาณ 2,000 ชิ้น จำหน่ายในราคาชิ้นละ 15 บาท ใช้แล้วสามารถนำไปซักทำความสะอาดแล้วนำกลับมาใช้ได้อีกหลายครั้ง สามารถป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคได้ดีในระดับหนึ่ง

รวมทั้งประชาชนก็สามารถที่จะผลิตขึ้นมาใช้เองได้ อย่างที่ โรงพยาบาลจันทรุเบกษา กรมแพทย์ทหารอากาศ ร่วมกับ สมาคมแม่บ้านทหารอากาศ ตัดเย็บหน้ากากอนามัยสำหรับแจกจ่ายให้กำลังพลและครอบครัว รวมถึงประชาชนที่มาติดต่อกับหน่วยงานของกองทัพอากาศ โดยประยุกต์ใช้ฟิลเตอร์แอร์หรือแผ่นกรองติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการดักจับเชื้อโรคและฝุ่นละอองขนาดเล็ก หาซื้อง่ายและราคาไม่แพง มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับหน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นต้น 

หากประชาชนโดยเฉพาะผู้ประกันตนมีการติดเชื้อ “ไวรัสโคโรน่า” จะต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน สามารถเข้ารับการบริการตามสถานพยาบาลคู่สัญญา 242 แห่ง และเครือข่ายทั่วประเทศโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

อ่านข่าว
เจาะเรื่องลับ 'ไวรัสโคโรน่า' และอัพเดตข้อมูลที่ต้องรู้!