แพทยสภาจ่อฟันแพทย์หากพบเอี่ยวอุ้มบุญข้ามชาติ

 แพทยสภาจ่อฟันแพทย์หากพบเอี่ยวอุ้มบุญข้ามชาติ

แพทยสภาประสานสบส.ขอข้อมูลแพทย์ไทยเอี่ยวอุ้มบุญข้ามชาติ เผยก่อนหน้านี้มีแพทย์เข้าสู่พิจารณา 5 รายเกี่ยวทำอุ้มบุญ

     เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 พลอากาศตรีนายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจับกุมขบวนการรับจ้างอุ้มบุญซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องทั้งชาวจีน และชาวไทย ว่า เรื่องนี้ แพทยสภาเพิ่งได้รับทราบเรื่อง อยู่ระหว่างการขอข้อมูลจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ว่ามีแพทย์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้หรือไม่ ขัดกับพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์พ.ศ. 2558 (กฎหมายอุ้มบุญ) หรือไม่ เบื้องต้น ทราบว่ามีการไปทำอุ้มบุญที่ต่างประเทศ แถบประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งหากพบว่ามีแพทย์เข้าไปเกี่ยวข้องในส่วนของแพทยสภา ก็จะพิจารณาลงโทษได้ในลักษณะภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม และเพิกถอนใบอนุญาต โดยพิจารณาเป็นรายกรณี นอกจากนี้ก็จะไปเกี่ยวข้องกับความผิดทางอาญา มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ด้วย แต่ปัญหาคดีพวกนี้สอบสวนเอาผิดยาก เพราะส่วนใหญ่สมยอม
    “ก่อนจะมีการแก้ไขกฎหมายอุ้มบุญพบว่ามีการกระทำความผิดและเข้าสู่การพิจารณาของแพทยสภาจำนวนหนึ่ง และมีการลงโทษโดยการเพิกถอนใบอนุญาต เนื่องจากมีพฤติกรรมรู้อยู่แก่ใจ เจตนา และมีผลประโยชน์ร่วมด้วย นอกจากนี้ ก็มีกรณีที่พักใช้ใบอนุญาต เนื่องจากทำอุ้มบุญ แต่ไม่รู้ว่ามีกระบวนการรับจ้างอุ้มบุญอยู่ และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของแพทยสภา 5 ราย ในจำนวนนี้มี 2 รายที่การพิจารณาใกล้จะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม หลังมีการปรับแก้กฎหมายอุ้มบุญแล้วคดีเหล่านี้น้อยมาก ส่วนตัวมองว่ากฎหมายค่อนข้างเข้มแข็ง และคุ้มครองเด็ก การจะอุ้มบุญต้องขออนุญาต ต้องมีคนรับดูแลเด็กที่ชัดเจน”พลอากาศตรีนายแพทย์อิทธพรกล่าว
      เมื่อถามว่าเมื่อการฝากครรภ์ต้องแจ้งรายละเอียดหรือไม่ว่าเป็นเด็กที่เกิดโดยวิธีธรรมชาติ หรือเกิดจากการอุ้มบุญ พลอากาศตรีนายแพทย์อิทธพร กล่าวว่า ตามปกติการฝากครรภ์ไม่ได้ถามว่าใครเป็นพ่อ แต่ทุกครั้งที่จะมีการอุ้มบุญจะต้องแจ้งขออนุญาตอยู่แล้ว เป็นไปตามกฎหมาย