งดไป 6 ประเทศกลุ่มเสี่ยง COVID-19 สธ.แนะ 'เลื่อนเดินทาง'
สธ.แนะเลื่อนไป 6 ประเทศเสี่ยงไวรัสโคโรน่า ขอสายการบินหยุดจัดโปรไฟไหม้ คนไทยหันมาเที่ยวไทย คนกลับมาต้องเฝ้าระวังตัวเอง 14 วัน งดไปในที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19(COVID-19) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวว่า ขอความร่วมมือหน่วยงานราชการและบริษัทต่างๆให้เลื่อนการเดินทางไปในประเทศที่มีความเสี่ยง ส่วนบุคลากรหน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุขขอให้งดการเดินทางไปประเทศเสี่ยง รวมถึง สายการบินต่างๆควรที่จะหยุดจัดโปรโมชั่นเที่ยวบินที่จะไปในประเทศเสี่ยงโรค และประชาชนก็ควรรู้จักหักห้ามใจไม่ไปในประเทศเหล่านั้น แม้ค่าตั๋วถูก แต่หากติดโรคค่ารักษาแพง ยังไม่รวมค่าเสียโอกาสต่างๆของคนป่วยที่แพงมหาศาลอีก
ช่วงเวลานี้ ควรที่จะเที่ยวในประเทศไทย ช่วยให้มีเงินหมุนเวียน เป็นการช่วยเพื่อนร่วมชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และหากไปเที่ยวประเทศเสี่ยงก็คงไม่สนุก อย่างเมืองฮอกไกโด ก็เป็นเมืองที่มีคนติดเชื้อมากสุดของประเทศญี่ปุ่น
“ตอนนี้มีหลายคนบอกให้ผมสั่งห้ามเลยว่าทุกเที่ยวบินที่กลับมาจากประเทศเสี่ยง จะต้องหยุดอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน แต่ผมสอบถามความจำเป็นกับทีมเจ้าหน้าที่ที่ทำงานแล้ว ให้ความเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยังสามารถขอความร่วมมือได้อยู่ ยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการบังคับ แต่ต่อไปหากมีกรณีแบบคุณลุงรายนี้อีกที่ไปประเทศเสี่ยงกลับมาแล้วไม่ทำตามคำแนะนำของสาธารณสุข ก็พร้อมที่จะออกเป็นมาตรการบังคับหยุดอยู่บ้าน 14 วัน”นายอนุทินกล่าว
- เลื่อนเดินทาง 6 ประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ประเทศเสี่ยงที่กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้เลื่อนมีกี่ประเทศ นายแพทย์ธนรักษ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขแนะนำมาตั้งแต่ต้นว่าขอให้ผู้ที่เดินทางไปประเทศเสี่ยงโรคเลื่อนการเดินทางไปที่ไม่จำเป็นออกไป โดยขณะนี้ประเทศเสี่ยง คือ จีน (นับรวมฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และขยายเพิ่มอีก 2 ประเทศ คือ อิตาลี และอิหร่าน และจับตา เฝ้าระวังใกล้ชิดประเมศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และประเทศเสี่ยงเหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน เพราะปัจจุบันมีหลายประเทศเริ่มมีการระบาดระยะที่ 3 มากขึ้น
กรณีผู้ที่เดินทางไปกลับมา ขอให้เฝ้าระวังตัวเองเป็นเวลา 14 วัน งดไปในที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ ทันทีที่มีอาการป่วยจะต้องใส่หน้ากากอนามัย รีบไปตรวจที่สถานพยาบาล และจะต้องแจ้งประวัติตามความเป็นจริง ห้ามปกปดิข้อมูล เพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ช่วยในการทำงานของเจ้าหน้าที่เลย แต่จะทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปหมด ที่สำคัญ ระหว่างการเฝ้าระวังตัวเอง ควรต้องจำกัดคนที่จะมาสัมผัสตัวเองให้มีจำนวนน้อยที่สุด อย่าให้เราเป็นต้นเหตุของการทำให้คนที่เรารักป่วย เหมือนกรณีหลานติดจากปู่นี้ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีอาการจะต้องไม่ให้ใครสัมผัสใกล้ชิด