แนวทางรักษาผู้ติดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา'ใหม่ล่าสุด(8เม.ย.63)

แนวทางรักษาผู้ติดเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา'ใหม่ล่าสุด(8เม.ย.63)

สธ.ปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาฉบับใหม่ คนไม่มีอาการไม่ให้ยารักษาตามอาการ กรณีมีปอดอักเสบทั้งรุนแรงน้อย-มาก ให้ยาฟาวิพิราเวียร์ทุกราย เชื่อช่วยลดผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงได้ดีขึ้น ย้ำคนไข้ต้องให้ข้อมูลครบถ้วน

      เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 เมษายน 2563 ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19(COVID-19) นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมมีการหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจึงได้มีการปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19ฉบับใหม่ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 เมษายน 2563 โดยการรักษาจะแบ่งกลุ่มตามอาการเป็น 4 กรณี คือ 1.ผู้ป่วยไม่มีอาการ แนะนำให้นอนโรงพยาบาลหรือในสถานที่รัฐจัดให้ 2-7 วัน เมื่อไม่มีภาวะแทรกซ้อน พิจารณาให้ไปพักต่อที่โรงพยาบาลเฉพาะหรือฮอสพิเทลหรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันเริ่มป่วย หลังจากนั้นให้พักฟื้น และสวมหน้ากาอนามัย ระมัดระวังสุขอนามัยจนครบ 1 เดือนนับจากวันที่เริ่มป่วย โดยให้ดูแลรักษาตามอาการ ไม่ให้ยาต้านไวรัส เนื่องจากส่วนมากหายเองได้ รวมทั้งอาจได้รัยผลข้างเคียงจากยา

2.ผู้ป่วยภาพถ่ายรังสีปอดปกติ ที่ไม่มีภาวะเสี่ยง/โรคร่วมสำคัญ แนะนำให้นอนโรงพยาบาล 2-7 วัน ดูแลรักษาตามอาการ พิจารณาให้ยา 2 ชนิด นาน 5 วัน คือ ยาต้านมาลาเรีย ร่วมกับ ยาต้านไวรัสเอชไอวี เมื่ออาการดีขึ้นและผลถ่ายภาพรังสีปอดยังคงปกติ พิจารณาพิจารณาให้ไปพักต่อที่โรงพยาบาลเฉพาะหรือฮอสพิเทลหรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจโควิด-19 อย่างน้อย 14 วัน นับจากวันเริ่มป่วย หลังจากนั้นให้พักฟื้น และสวมหน้ากาอนามัย ระมัดระวังสุขอนามัยจนครบ 1 เดือนนับจากวันที่เริ่มป่วย


3.ผู้ป่วยภาพถ่ายรังสีปอดปกติ แต่มีปัจจัยเสี่ยง/โรคร่วมสำคัญ ข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ได้แก่ อายุมากกว่า 60 ปี โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง รวมโรคปอดเรื้อรังอื่นๆ โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด โรคปลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม้ได้ ภาวะอ้วน ตับแข็ง ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และเม็ดเลือดขาวน้อยกว่า 1,000 เซลล์ต่อลูกบาศก์มิลลิเมตร แนะนำให้ใช้ยาอย่างน้อย 2 ชนิด นาน 5 วัน คือยาต้านมาลาเรีย ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี และอาจพิจารณาให้ยาชนิดที่ 3 ร่วมด้วย หากภาพถ่ายรังสีปอดแย่ลง ให้พิจารณาเพิ่มฟาร์วิพาราเวียร์เป็นเวลา 5-10วันขึ้นกับอาการ


และ4.ผู้ป่วยปอดอักเสบ หรือถ้าเอกซเรย์ปอดปกติ แต่มีอาการหรืออาการแสดงเข้าได้กับปอดอักเสบและระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วน้อยกว่า 95 % แนะนำให้ใช้ยาอย่างน้อย 3 ชนิด นาน 10 วัน คือ ฟาวิพิราเวียร์เป็นเวลา 5-10 วันขึ้นกับอาการทางคลินิก ร่วมกับยาต้านมาลาเรีย ร่วมกับ ยาต้านไวรัสเอชไอวี อาจพิจารณาให้ยาชนิดที่ 4 ร่วมด้วย และพิจารณาใช้อุปกรณ์อื่นๆตามความจำเป็น

“ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาทุกรายจะต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล กรณีไม่มีอาการ จะไม่ให้ยาต้านไวรัส แต่จะให้การรักษาตามอาการ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการจะให้ยาต้านมาลาเรียลาต้านไวรัสเอชไอวี ส่วนผู้ที่มีอาการปอดอักเสบ จะให้ยาต้านมาลาเรีย ยาต้านไวรัสเอชไอวี และยาฟาวิพืราเวียร์ทุกรายไม่ว่าจะปอดอักเสบมากหรือน้อย เชื่อว่าจะช่วยลดผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรงได้ดีขึ้น”นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว

การรักษาในผู้ป่วยเด็กที่ติดไวรัสโคโรนา แยกเป็น 3 กลุ่ม นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่แตกต่างจากผู้ใหญ่ โดยแบ่งเป็นกลุ่มมีอาการน้อย ที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง ไม่มีโรคร่วมสำคัญ และภาพถ่านรังสีปอดปกติ กลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง โรคร่วมสำคัญ โดยปัจจัยเสี่ยงคืออายุน้อยกว่า 5 ปี และภาวะอื่นๆเหมือนเกณฑ์ในผู้ใหญ่ และกลุ่มมีปอดอักเสบหรือผู้ป่วยมีอการหรืออาการแสดง เข้าได้กับปอดบวมโดยไม่พบรอยโรคแต่มีระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95 % 

“อยากขอให้ประชาชนช่วยให้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องกับเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ เพราะจะช่วยให้ได้รับการรักษารวดเร็ว บางกรณีที่ผู้ป่วยไม่บอกข้อมูลทั้งหมด ทำให้แพทย์ไม่ได้สงสัย เมื่อมาตรวจพบภายหลัง ทำให้เสียโอกาสทั้งตัวผู้ป่วยเองและแพทย์ด้วย”นายแพทย์สมศักดิ์กล่าว