เปิดแผนฟื้นฟูจิตใจประชาชนหลังโรคโควิด-19
สธ.เขตสุขภาพที่ 9 จัด 5 แผนฟื้นฟูเยียวยาจิตใจหลังวิกฤติระบาดโรคโควิด-19 เน้นเฝ้าระวัง ป้องกัน“โรคทางใจ” เครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย ภาวะเหนื่อยล้า และติดสุราหรือยาเสพติด
นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประจำเขตสุขภาพที่ 9 ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์และสุรินทร์ กล่าวว่าเขตสุขภาพที่ 9 ได้จัดทำแผนฟื้นฟูจิตใจประชาชนในพื้นที่ซึ่งมีประมาณ 6 ล้านคนภายหลังวิกฤติระบาดของโรคโควิด-19 ( COVID-19) เพื่อเตรียมความพร้อมสู่นววิถีหรือนิว นอร์มอล ( New Normal) ซึ่งในพื้นที่ 4 จังหวัด มีจำนวนผู้ยืนยันติดเชื้อโรคนี้สะสมจนถึงวันที่ 18 พ.ค. 2563 เวลา 14.00 น. รวมทั้งหมด 44 คน แบ่งเป็นชัยภูมิ 3 คน นครราชสีมา 19 คน บุรีรัมย์ 13 คน และสุรินทร์ 9 คน
นพ.พงศ์เกษม กล่าวว่า แผนฟื้นฟูประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ 1. โครงการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เน้นการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจทั้งในระดับบุคคล ระดับครอบครัว และชุมชน เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับตัวกลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็วและปลอดภัย 2.โครงการพัฒนาคุณภาพระบบบริการสุขภาพจิตและจิตเวช โดยเน้นโรคทางจิตใจที่เป็นผลกระทบตามมาหลังจากภาวะวิกฤติของโรคระบาดใหม่
กลุ่มของประชาชนและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญ5 โรค คือ โรคเครียด โรคซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย ภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือเบิร์น เอ้าท์ (Burn out ) และการติดสุราหรือยาเสพติด โดยให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งซึ่งมีกว่า 1,000 แห่งจัดบริการเชิงรุก ค้นหาผู้ที่มีปัญหา เพื่อให้การดูแลเยียวยาตามมาตรฐานกรมสุขภาพจิตตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม และดูแลต่อเนื่องจนหายหรือทุเลาและไม่ป่วยซ้ำอีกและมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งให้ทุกจังหวัดเปิดสายด่วนสุขภาพจิต เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการปรึกษาคลายเครียด คลายความวิตกกังวลได้สะดวก ตลอด 24 ชั่วโมง
3.โครงการสื่อสารสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพจิตผ่านทางหอกระจายข่าวหมู่บ้านและอสม.รวมทั้งสื่อโซเชียล เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนให้สามารถดูแลสุขภาพจิตตนเองได้อย่างถูกต้อง 4. โครงการเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิต และ5.โครงการเพิ่มศักยภาพบุคลากรในการปฏิบัติงานโดยเฉพาะทีมวิกฤติสุขภาพจิตหรือทีมเอ็มแคท (MCATT)
ทั้ง 5 แผนมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมพ.ศ.2563จนถึงพ.ศ.2564 โดยมีโรงพยาบาล(รพ.)จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์และศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 สนับสนุนวิชาการให้แก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง4 จังหวัด ซึ่งได้จัดประชุมทางไกลหรือเทเลคอนเฟอร์เรนซ์ ชี้แจงความเข้าใจไปแล้ว
นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการรพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ กล่าวว่า ตามแผนการฟื้นฟูจิตใจหลังวิกฤติระบาดของโรคโควิด-19 รพ.จิตเวชฯจะดำเนินการเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิต 4 เรื่องคือความเครียด ซึมศร้า การฆ่าตัวตาย และภาวะเหนื่อยล้าจากการทำงาน โดยจะสำรวจในกลุ่มเสี่ยง 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ผู้ป่วยโรคโควิด-19และผู้ถูกกักตัว2.กลุ่มเปราะบางในสังคม เช่นผู้พิการ คนไร้ที่พึ่ง 3.กลุ่มประชาชนทั่วไป และ4.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ โดยใช้แอพพลิเคชั่นตรวจคัดกรองออนไลน์ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563เป็นต้นไป
แต่ละเรื่องจะมีคำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวเบื้องต้น พร้อมทั้งได้จัดผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆเช่นจิตแพทย์ นักจิตวิทยาคลินิก พยาบาลจิตเวช เป็นต้น บริการให้คำปรึกษาผ่านทางแช็ตบอท (Chat bot),ไลน์ (LINE) และทางสายด่วนรพ.จิตเวชนครราชสีมาฯ หมายเลข 0 4423 3999 และ 06 1023 5151 ด้วย
นพ.กิตต์กวี กล่าวอีกว่าสำหรับการส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตประชาชนในพื้นที่ จะเน้นการสร้างวัคซีนใจ 3 ระดับคือ ระดับบุคคล จะเน้นเรื่อง การสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจคือ “อึด ฮึด สู้” ส่วนระดับครอบครัวจะเน้นการส่งเสริม “3 พลัง” คือพลังบวก เปลี่ยนประสบการณ์เป็นความรู้ พลังยืดหยุ่นเพื่อช่วยให้ครอบครัวปรับตัวอยู่กับสภาพปัญหาได้ และพลังร่วมมือ คือให้คนในครอบครัวร่วมด้วยช่วยกันช่วยกันฟันฝ่าอุปสรรค
สำหรับในระดับชุมชนจะเน้นเรื่อง “4 สร้าง 2 ใช้” คือสร้างสรรค์กิจกรรม การสื่อสารสร้างบรรยากาศ สร้างเสริมเศรษฐกิจ และสร้างการสนับสนุนทางสังคม ใช้พลังชุมชนทำให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพและใช้สายสัมพันธ์ในครอบครัวช่วยดูแลกัน โดยจะมีการประเมินความเข้มแข็งทางจิตใจในกลุ่มประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปใน 88 อำเภอของ4 จังหวัดอีสานตอนล่างในเดือนหน้านี้