เยียวยากลุ่มเปราะบาง 'เด็กแรกเกิด' รับเงินเพิ่ม 3,000 บาท พร้อมเปิดวิธีลงทะเบียน
ตรวจสอบอีกครั้ง! "เด็กแรกเกิด" ได้รับเงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง เพิ่ม 1,000 บาท นาน 3 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย.-ก.ค.63 พร้อมกับรับเงินช่วยเหลือเดิมเดือนละ 600 บาท พร้อมเปิดวิธีลงทะเบียนสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด
อีกหนึ่งมาตรการเยียวยาที่รัฐบาลโปรยลงมาให้กับประชาชน เพื่อหวังให้ครอบคลุมประชาชนทุกกลุ่ม ที่ผ่านมามีทั้งโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" และ "เยียวยาเกษตรกรแล้ว" ยังมีมาตรการเยียวยากลุ่มเปราะบางที่นอกเหนือจากนี้อีก 3 กลุ่ม ได้แก่ เด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโรคโควิด-19
หากเจาะลึกที่กลุ่มเด็กแรกเกิด-อายุ 6 ปีนั้น เดิมรัฐบาลมีโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 โดยผู้ปกครองจะต้องลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ในโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาทก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : โอนรอบแรก 'เงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด' จ่ายรวด! 2,600 บาท 10 มิ.ย.นี้!
แต่สำหรับวันนี้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่า รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือมาเพิ่มเติมอีก นั่นคือ มาตรการเยียวยากลุ่มเปราะบางมาเพิ่มเติม ซึ่งกลุ่มเด็กแรกเกิด-6 ปี ก็อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับสิทธ์ด้วย โดยจะได้รับเงินเดือนละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2563
แต่โครงการนี้คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินได้ในเดือนมิถุนายน 2563 เป็นต้นไป ทำให้ในเดือนมิถุนายน 2563 ที่จะเริ่มจ่ายเงินนั้น จะทำให้ได้รับเงินรวดเดียว 2,000 บาท บวกกับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท เท่ากับว่าเดือนมิถุนายน จะได้รับเงินทั้งหมด 2,600 บาทนั่นเอง
และเดือนกรกฎาคม 2563 จะได้รับเงินเยียวยาอีก 1,000 บาท รวมกับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท เท่ากับว่าเดือนกรกฎาคม จะได้รับเงินทั้งหมด 1,600 บาทนั่นเอง
สำหรับผู้ปกครองที่เคยลงทะเบียนไว้แล้ว เงินเยียวยากลุ่มเปราะบาง สำหรับเด็กแรกเกิด-6 ปีนั้น คาดว่าเงินจะได้รับเข้าบัญชีที่มีการลงทะเบียนไว้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม เนื่องจากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีฐานข้อมูลอยู่แล้ว
แต่สำหรับผู้ปกครองที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน สามารถไปลงทะเบียนโครงการเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดเดือนละ 600 บาท ได้ที่ในพื้นที่ที่เด็กแรกเกิด และผู้ปกครองอาศัยอยู่จริง ดังนี้
- กรุงเทพมหานคร : ลงทะเบียนที่สํานักงานเขต
- เมืองพัทยา : ลงทะเบียนที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
- ส่วนภูมิภาค : ลงทะเบียนที่องค์การบริหารส่วนตําบล หรือเทศบาล
สิ่งสำคัญคือ ผู้ที่ลงทะเบียนต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- คุณสมบัติเด็กแรกเกิดที่มีสิทธิ
- มีสัญชาติไทย (พ่อแม่มีสัญชาติไทย หรือพ่อหรือแม่มีสัญชาติไทย)
- เกิดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป จนมีอายุครบ 6 ปี
- อาศัยอยู่กับผู้ปกครองที่อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย
- ไม่อยู่ในสถานสงเคราะห์ของหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชน
ผู้ปกครองที่มีสิทธิลงทะเบียน
- มีสัญชาติไทย
- เป็นบุคคลที่รับเด็กแรกเกิดไว้ในความอุปการะ
- เด็กแรกเกิดต้องอาศัยรวมอยู่ด้วย
- อยู่ในครัวเรือนที่มีรายได้น้อย คือ สมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาท ต่อคนต่อปี
(หมายเหตุ : มารดาที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ยังไม่ต้องมายื่นคําร้องขอลงทะเบียนขอรับสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด)
ทั้งนี้เอกสารประกอบการลงทะเบียน ประกอบด้วย
1.แบบคําร้องขอลงทะเบียน (ดร.01)
2.แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02)
3.บัตรประจําตัวประชาชนของผู้ปกครอง
4.สูติบัตรเด็กแรกเกิด
5.สมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครอง (บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย บัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน หรือบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น)
6.สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก เฉพาะหน้าที่ 1 ที่มีชื่อของหญิงตั้งครรภ์ (กรณีที่สมุดสูญหาย ให้ใช้เฉพาะสําเนาหน้าที่ 1 พร้อมให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบันทึกข้อมูลและรับรองสําเนา)
7.กรณีที่ผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียนและสมาชิกในครัวเรือนของผู้ยื่นคําร้องขอลงทะเบียน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือพนักงานบริษัท ต้องมีเอกสารใบรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ของทุกคนที่มีรายได้ประจํา (สลิปเงินเดือน หรือเอกสารหลักฐานที่นายจ้างลงนาม)
8.สําเนาเอกสาร หรือบัตรข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรแสดงสถานะหรือตําแหน่ง หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงตนของผู้รับรองคนที่ 1 และผู้รับรองคนที่ 2
เมื่อลงทะเบียนและผ่านกระบวนการทางราชการแล้ว สามารถเข้าไปตรวจสอบสิทธิสวัสดิการได้ที่เว็บไซต์ csgcheck.dcy.go.th ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบสถานะสิทธิโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูแลเด็กแรกเกิด โดยต้องระบุข้อมูล 2 ส่วน คือ เลขบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ลงทะเบียน และเลขบัตรประจำตัวของเด็กแรกเกิด ก็จะขึ้นข้อมูลว่าได้รับเงินหรือไม่ได้