ไม่มีผู้ติดเชื้อใหม่ในประเทศ ไม่ได้สื่อว่าไทยปลอดภัยจากโควิด-19
คณบดีศิริราชเผยภาพรวมโลกเป็นช่วงโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น 3 รูปแบบเกิดระลอกใหม่ ขอคนไทยอย่าวางใจ ร่วมมือหากเกิดให้อยู่รูปแบบ“คลื่นเล็กๆ”ช่วยธุรกิจไปต่อ สร้างสมดุลสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม เชื่อคนไทยยังมีภูมิต้านทานโรคโควิด-19ต่ำ
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 ที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สรุปสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากทั่วโลก และสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำ เพื่อให้เกิดสมดุลเรื่องสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมว่า ภาพรวมสถานการณ์โรคโควิด-19ทั่วโลก ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมามีถึง 81 ประเทศที่มีอุบัติการณ์ใหม่ต่อวันสูงขึ้น มีเพียง 36 ประเทศที่ลดลง ซึ่งแสดงให้เห็นสถานการณ์ตอนนี้เป็นช่วงที่โควิด-19เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่สถานการณ์ค่อยๆน้อยลง โดยทั่วโลกยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 1 แสนรายต่อวัน แนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตราว 4,000-6,000 รายต่อวัน แม้อาจจะมีช่วงที่เหมือนจะลดลงแต่กลับเพิ่มขึ้นมาอีก สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยใหม่ค่อนข้างน้อย บางวันไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ติดต่อกันหลายวัน โดยมีผู้ป่วยสะสมอยู่ที่หลัก 3,000 กว่าราย อัตราการเสียชีวิตเกือบจะไม่มี หรือหากมีผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นเพียงแค่วันละ 1 ราย
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมของโลกมี กลุ่มประเทศที่เปิดประเทศผ่อนคลายเร็วเกินไปและเกิดการก้าวกระโดดของจำนวนผู้ป่วยใหม่และอัตราการเสียชีวิต ตัวอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกากับบราซิล รวมถึง กลุ่มประเทศที่ก่อนหน้านี้เกิดการระบาดใหญ่ เริ่มมีแนวโน้มจะลดลงและต่อมาเริ่มกลับขึ้นมาคือกลุ่มประเทศที่อยู่ในยุโรป รวมทั้งบางประเทศที่อยู่ในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้และญี่ปุ่น
สิ่งเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่านี้คือครั้งแรกรอบแรกตอนที่เกิดผู้ป่วยจำนวนมาก หลังนั้นจำนวนลดลงประเทศเข้าสู่ช่วงของการผ่อนคลายและเกิดมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาใหม่ ประเทศที่มีรูปร่างลักษณะแบบนี้รัฐบาลจะวิ่งเข้าไปจัดการทันทีซึ่งสามารถทำได้ เพราะมีการร่วมมือกันของรัฐบาลกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสืบสวนผู้ติดเชื้อ การค้นหาผู้เสี่ยงติดเชื้อ ผู้เสี่ยงกับการแพร่เชื้อและดำเนินการอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันเมื่อดำเนินการแบบนั้นได้ ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ก็ยังดำเนินการได้ เมื่อค้นพบการระบาดเฉพาะในบางพื้นที่ เช่น เกาหลีใต้ เมื่อพบบริษัทแห่งนั้นติดเชื่อก็ถูกควบคุม แต่ธุรกิจอื่นยังเปิดต่อไปได้
รูปแบบการระบาดรอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้มี 3 รูปแบบ ประกอบด้วย 1. เกิดในลักษณะคลื่นเล็กๆ ควบคุมแล้วกลับลงมา อาจจะเกิดขึ้นอีกในอีก 1-2 เดือนแล้วก็เข้าไปควบคุมและกลับลงมา ซึ่งหากประเทศไทยจะเกิดขึ้นขอให้เป็นลักษณะเช่นนี้ โดยวิธีนี้จะทำให้ธุรกิจส่วนใหญ่ ยังดำเนินการได้ ผลดีต่อเศรฐกิจ ควบคุมเข้มธุรกิจหรือการประกอบการที่มีอุบัติการณ์การแพร่ระบาด ประชาชนมีกิจกรรมนอกบ้านได้มาก ภายใต้การใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงการกระจายเชื้อ อัตราการเสียชีวิตต่ำ และระบบบการดูแลสุขภาพดำเนินการได้ดี โดยมีงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม
“มีตัวอย่างในหลายประเทศที่สถานการณ์เหมือนจะสงบแล้วแต่กลับมาใหม่ ถ้าหากสถานการณ์ในประเทศถ้าจะกลับมาขอให้เกิดในรูปแบบนี้ ซึ่งประเทศที่จะดำเนินการได้สำเร็จเช่นนี้ นอกจากรัฐบาลจะดำเนินการแล้ว ผู้ประกอบการ และผู้ใช้บริการ มีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้น อย่างเช่น การอยู่บ้านแต่เป็นส่วนที่เล็กลง เนื่องจากประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การผ่อนคลายระยะที่ 5 ซึ่งคนส่วนใหญ่จะออกมานอกบ้านทำให้เศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันมีความเสี่ยงแพร่ระบาดของเชื้อ เพราะฉะนั้นต้องร่วมกันทำสิ่งที่คุ้นเคยต่อไป ด้วยการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การล้างมือ การใส่หน้ากากและการใช้แอพพลิเคชั่นไทยชนะ”ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
2.รูปแบบหุบเขาและยอดเขา คือการติดเชื้อรอบแรกสูง หลังจากนั้นเข้าสู่การผ่อนคลาย และเกิดการติดเชื้อขึ้นมาใหม่ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับเดิม นั่นหมายความมาตรการในการควบคุจะหลับมาเข้มงวด ธุรกิจต่างๆก็ไม่สามารถดำเนินการได้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจช้า งบประมาณค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพค่อนข้างสูงถึงสูงมาก และเสี่ยงกับอัตราการเสียชีวิตที่สูง และ3 .รูปแบบช่วงไข้หวัดใหญ่สเปน ต้องไม่เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด เป็นแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปน รอบแรกมีการเจ็บป่วย และเสยีชีวิต และรอบ 2จำนวนมากกว่ารอบยแกรจำนวนมาก และเชื่อว่าในโลกปัจจุบันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้แน่นอน
การกลับมามีคนในประเทศติดเชื้อโรคโควิด-19หลังจากที่ควบคุมได้ เกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศ ซึ่งการที่ผู้ป่วยติดเชื่อใหม่เป็นผู้กลับมาจากต่างประเทศ ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ ไม่ได้สื่อว่าประเทศไทยปลอดภัยจากเชื้อ เพราะโอกาสได้เชื้อจากแหล่งอื่นยังคงมี ยกตัวอย่าง ประเทศเกาหลีใต้ เยอรมัน และจีน ซึ่งจีนไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศ 57 วัน แต่กลับมาเกิดติดเชื้อในตอนใต้กรุงปักกิ่ง และแพร่ะกระจาย ก่อนหน้านี้ดูเหมือนปลอดภัยแต่กลับมาระบาดใหม่
แม้ประเทศไทยไม่ได้วัดภูมิต้านทานของคนไทยต่อโรคโควิด-19 แต่เชื่อว่าคนไทยมีภูมิน้อยถึงน้อยมาก โดยที่ศิริราช มีการศึกษาภูมิคุ้มกันของนักศึกษาแพทย์ศิริราช พบว่าไม่มีภูมิเลย ขณะที่รพ.รามาธิบดี มีการตรวจหาภูมิในบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยโควิด พบว่ามีภูมิ 3 % แต่ในสังคมไทยทั่วไปมีผู้ติดเชื้อสะสม 3,000 กว่าราย เพราะฉะนั้นสังคมไทยมีภูมิคุ้มกันโควิดน้อยมาก หากมีเชื้อจากข้างนอกเข้ามา แล้วไม่พบ ไม่รู้ และไม่สามารถไปควบคุมได้ จะเกิดการแพร่กระจายใหม่ได้ จำเป็นที่จะต้องป้องกันการติดและแพร่เชื้อ จนกว่าจะมีวัคซีนขึ้นมา
“ช่วง 3-4 เดือนทีผ่านมาคนไทยทำมาตรการต่างๆได้ดีมาก แต่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา คนไทยเริ่มวางใจว่าไม่มีผุ้ป่วยใหม่ในประเทศ เริ่มวางใจ เริ่มไม่ใส่หน้ากาก ไม่ล้างมือ ไม่เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล จึงขอให้คนไทยอย่าวางใจ อย่าการ์ดตก ซึ่งการสร้างสมดุลของสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม เป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนเป็นผู้กำหนด ถ้าทุกคนช่วยกัน การกลับมาใหม่ก็ไม่น่ากลัว โอกาสที่จะเกิดขึ้นเป็นคลื่นเล็กๆก็ไม่น่ากังวลมากมาย เศรษฐกิจยังไปต่อได้”ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว