ชวนไปเฮ! ที่ 'ฮานอย'
หากเปิดให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ "เวียดนาม" ถือเป็นจุดหมายที่น่าสนใจ เพราะไม่เพียงเป็นตัวเลือกที่คุ้มราคา ยังสามารถรับมือกับโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ "ฮานอย" เมืองที่เต็มไปด้วยสีสันและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
มีเพื่อนเคยเล่าเรื่องขำๆ ให้ผมฟังว่า มี 3 สิ่ง ซึ่งคุณจะหาได้ยากยิ่งในประเทศเวียดนาม คือ ผู้หญิงอ้วน แดด และสุนัข
เพราะผู้หญิงเวียดนามไม่อ้วน ทรวดทรงองเอวดี ผอมเพรียว ส่วนแดดก็ไม่ค่อยมีเพราะเวียดนามฝนตกบ่อย และสุดท้ายประเทศนี้ไม่ค่อยมีสุนัข เนื่องจากถูกนำไปปรุงเป็นอาหารเมนูเด็ดเกือบหมดแล้ว เรื่องนี้จะจริงเท็จแค่ไหนผมไม่รู้ รู้แต่ว่าการไปเยือนเวียดนามของผมทุกครั้งช่างสนุกสนานจริงๆ
คงเพราะเป็นประเทศที่เดินทางไปง่าย ค่าใช้จ่ายไม่แพง ซื้อของต่อรองราคาได้สนุก อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ (โดยเฉพาะซีฟู๊ด) ส่วนธรรมชาติ วัฒนธรรม ก็ช่างสวยสดงดงามเหลือเกิน เวียดนามจึงเป็นหนึ่งในประเทศอาเซียนที่ควรค่าแก่การไปเยือนอย่างยิ่ง อีกทั้งเวียดนามยังเป็นประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรค Covid-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนตัวเลขคนติดเชื้อต่ำมาก ทริปนี้ผมขอพาทุกคนไปสัมผัส ฮานอย (Hanoi) เมืองหลวงของเวียดนาม ที่ตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำแดง เส้นเลือดหลักของเมืองนี้
ฮานอยเป็นเมืองมีเสน่ห์ในหลากมิติแง่มุม ด้วยการผสมผสานของความเก่าใหม่ไว้อย่างดี เขตเมืองใหม่มีตึกสูงระฟ้าและความไฮเทค ส่วนเมืองเก่าก็อวลกลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณและจังหวะลมหายใจอันคึกคัก
ฮานอยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เพราะถึงตอนนี้มีอายุได้ 1,010 ปีแล้ว โดยสถาปนาเป็นเมืองตั้งแต่ปี พ.ศ. 1553 เดิมชื่อ ‘ทังล็อง’ แปลว่า มังกรเหิน คนที่หลงรักศิลปวัฒนธรรม ไปเที่ยวฮานอยรับรองว่าต้องแฮปปี้แน่นอน
แม้ฮานอยจะเป็นเมืองใหญ่ แต่เราก็สามารถเลือกชมในส่วนที่ต้องการได้กับเวลาที่มีอยู่จำกัด วิธีเที่ยวสะดวกได้ทั้งเดิน นั่งรถแท็กซี่ และนั่งรถสามล้อ ‘ซิโคล่’ ซึ่งเป็นรถสาธารณะ เอกลักษณ์ของเวียดนาม คันหนึ่งนั่งได้ 2 คน ลักษณะคล้ายรถสามล้อปั่นของบ้านเรานั่นล่ะ
ผมเป็นคนชอบย่านเก่าและวิถีชีวิตท้องถิ่น เลยชวนเพื่อนฝูงหาโรงแรมในย่านเมืองเก่าฮานอยพักค้างคืนกัน ย่านนี้เรียกว่า Old Quarter เป็นย่านการค้าเก่าแก่กว่า 600 ปี งดงามด้วยบ้านเรือนสถาปัตยกรรมจีนและอาคารไสตล์โคโลเนียลเก่าๆ เก๋ๆ เรียงรายรอให้เราไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
Old Quarter ตั้งอยู่ใจกลางฮานอยพอดี จุดสำคัญที่โด่งดัง คือ ถนน 36 สาย 36 อาชีพ ซึ่งมีการนำสินค้าหัตถกรรมหลากหลายละลานตามาขายวางขายกันในราคาต่อรองสนุกสุดๆ เช่น ถนนสายใดขายรองเท้า ทุกร้านก็จะขายรองเท้ากันหมด ส่วนถนนสายใดขายกระเป๋าถักกระเป๋าสาน ก็เต็มพรึ่บจนน่าตื่นตา การเดินทอดน่องปล่อยอารมณ์ใน Old Quarter ถือเป็นการหมุนนาฬิกาชีวิตให้เดินช้าลง ได้ทำตัวกลมกลืนกับผู้คนท้องถิ่น
ยามเช้าตื่นมากินกาแฟกับขนมปังบาแก็ตต์ไส้หมูใส่ผักเยอะๆ ตอนเที่ยงนั่งรถแท็กซี่ไปกิน ‘จ๋าก๊าหล่าว็อง’ อันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะนำปลาสดๆ มาทอดขมิ้น กินกับน้ำจิ้มและผักนานาชนิด ส่วนยามเย็นจะเดินไปกินเฝอ (ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม) หรือนั่งยองๆ ริมฟุตบาท กินซีฟู๊ดน้ำจิ้มรสเด็ด หรือชิมหอยต้มรสเลิศก็ได้
ย่าน Old Quarter เต็มไปด้วยกลิ่นอายอดีตที่ยังคงโลดแล่นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะยามค่ำคืนที่แสงไฟมลังเมลืองถูกเปิดขึ้น ปลุกเมืองเก่าให้มีชีวิตท่ามกลางผู้คนที่กำลังเคลื่อนไป จักรยานคันแล้วคันเล่าบรรทุกดอกไม้ ผลไม้ เครื่องจักสาน มาขาย ชายแก่แต่งกายในชุดแบบสังคมนิยม ใส่เสื้อสีเขียวแขนยาวคอจีน สวมหมวกปีกกลม เดินผ่านเราไป ทำให้ย่านเมืองเก่าไม่เคยเปลี่ยวเหงาเลย
ไฮไลท์สำคัญอีกแห่งสำหรับการมาเที่ยวฮานอย คือ ทะเลสาบคืนดาบ หรือ ทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม ทอดตัวอยู่อย่างนิ่งสงบสร้างความร่มเย็นให้กับเมืองใหญ่ มีตำนานเล่าว่าในสมัยที่จักรพรรดิเวียดนามรบกับจีนอย่างยาวนานทรงไม่สามารถชนะได้สักที จึงทรงล่องเรือออกไปกลางทะเลสาบนี้ มีเต่าขนาดใหญ่คาบดาบวิเศษขึ้นมาให้ เพื่อนำไปรบจนชนะ เมื่อสงครามจบลงพระองค์จึงทรงนำดาบมาคืน รอบทะเลสาบนคืนดาบมีแนวไม้ใหญ่ร่มรื่นพร้อมม้านั่งสำหรับนั่งชมวิวทอดอารมณ์ ถือเป็นโลเกชั่นสุดชิลที่ผมชอบไปนั่งเล่นแทบทุกวัน กลางทะเลสาบมี 'หอคอยเต่า' และ 'วัดหง็อกเซิน' อยู่ด้วย
เราสามารถเดินข้ามสะพานสไตล์จีนสีแดงเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดหง็อกเซิน ลักษณะเป็นวัดจีนโบราณแบบที่เราเห็นกันในหนังยุทธจักร ภายในวัดให้ความรู้สึกขรึมขลัง และมีบริการเขียนชื่อด้วยพู่กันจีนให้เก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย
เมื่อแสงตะวันอ่อนแรงลง ก่อนจะกินอาหารเย็นกัน ควรไปที่โรงละครแห่งหนึ่งใกล้ทะเลสาบคืนดาบ เพื่อชมหนึ่งในสุดยอดการแสดงโบราณของอาเซียนที่หาชมได้ยากมากแล้ว คือ หุ่นกระบอกน้ำ (Water Puppet) ซึ่งเป็นการแสดงประจำชาติเวียดนาม ที่สืบทอดมากว่า 1,000 ปี ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ลี้
ปัจจุบันเหลือคณะเดียวในโลกที่ฮานอย จุดเด่นคือผู้ชักหุ่นจะยืนแช่น้ำครึ่งตัวอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ เพื่อชักเชิดหุ่นกระบอกที่อยู่หน้ามู่ลี่ ประกอบกับเครื่องดีดสีตีเป่าสไตล์โบราณที่ให้ความรู้สึกดื่มด่ำ ล่องลอย อินไปกับท้องเรื่องพื้นบ้าน ทั้งตำนานความรัก ทะเลสาบคืนดาบ และวิถีการทำมาหากินของคนเวียดนามแท้ๆ ที่ผูกพันอยู่กับสายน้ำอันชุ่มฉ่ำ พอแสดงจบ มู่ลี่ไม้ไผ่ก็จะถูกเปิดขึ้น ถึงเวลาที่เหล่านักเชิดหุ่นได้ออกมาโชว์ตัว โดยยืนแช่อยู่ในน้ำลึกครึ่งตัว ไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของหุ่นกระบอกน้ำแม้วินาทีสุดท้าย
อีกหนึ่งสถานที่สำคัญ และห้ามพลาดชมด้วยประการทั้งปวงของฮานอยก็คือ สุสานโฮจิมินห์ (คนเวียดนามเรียกว่า ‘จู่ติกโฮจิมินห์’) ผู้เป็นเสมือนวีรบุรุษและบิดาแห่งชาติ เพราะท่านคือผู้นำชาวเวียดนามทำสงครามปลดแอกประเทศออกจากการยึดครองของฝรั่งเศสได้สำเร็จ
สุสานแห่งนี้ไม่น่ากลัว แต่ดูยิ่งใหญ่อลังการ เพราะสร้างเลียบแบบจากสุสานของเลนินในกรุงมอสโคว อาคารสุสานเป็นทรงสี่เหลี่ยมมหึมาสถาปัตยกรรมคล้ายอย่างรัสเซีย ด้านหน้ามีจัตุรัสกว้างชื่อ ‘จัตุรัสบาดิงห์’ ซึ่งเป็นสถานที่ที่โฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพของเขาเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1945 ส่วนร่างของท่านโฮจิมินห์หลังมรณะกรรมได้ถูกเก็บรักาอาบน้ำยาแช่เย็นอยู่ในโลงแก้ว ณ ใจกลางสุสาน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้เผชิญหน้ากับผู้นำที่ยิ่งใหญ่อย่างเต็มตา ทว่าภายในสุสานไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้นหรือกระโปรงสั้น ห้ามคุยเสียงดัง ไม่อนุญาตให้สูบบุรี่ และห้ามถ่ายรูปหรือวิดีโอทุกชนิด
นั่นคือบางส่วนเสี้ยวของฮานอยที่ผมรู้จัก มันคือฮานอยในแบบที่ผมจะไม่มีวันลืม เพราะมันได้สะท้อนเรื่องราวตัวตนของดินแดนนี้ได้อย่างลึกซึ้งถึงแก่น แต่เชื่อผมเถอะว่า ที่เล่ามามันจะไม่สนุกเท่าคุณได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง แน่นอนครับ