'รมว.ศธ.' รับฟังความคิดเห็นนร. ให้สัญญาไม่มีครูคุกคาม 'นักเรียนเห็นต่าง'

วันนี้(19 ส.ค.2563) เวลา 16.00น. ที่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ(ศธ) มีกลุ่มนักเรียนเลวและนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ประมาณ200กว่าคน ได้มาชุมนุมต่อต้านเผด็จการ ได้ตะโกนขอให้นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) ลงมาพบกลุ่มนักเรียนบริเวณหน้าศธ. พร้อมเป่านกหวีดขับไล่รัฐมนตรี

ต่อมาเวลา 16.40น. รมว.ศธ.ได้ออกมาพบกลุ่มนักเรียน โดยกลุ่มนักเรียนขอให้รมว.ศธ.ไปต่อแถวข้างหลังนักเรียน และได้ตะโกนบอกว่า ผู้ใหญ่ที่กล้าสอนให้นักเรียนเข้าแถว แต่ทำไมตัวเองไม่เข้าแถว ถ้าต่อแถวไม่ได้ ก็ไม่ต้องฟัง ให้ลาออกไปเลย

ตัวแทนนักเรียนเลว กล่าวว่า การที่นักเรียนออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้ เพื่อต้องการแสดงให้ผู้ใหญ่เห็นพลังของเด็กและรับฟังในสิ่งที่เด็กมาก เพราะนโยบาย การจัดทำหลักสูตร โครงการต่างๆ ล้วนไม่ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากเด็กๆ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพของเด็ก ตอนนี้เด็กหลายโรงเรียนกำลังถูกคุกคามจากครูในโรงเรียน เพราะต่อให้รมว.ศธ.ออกหนังสือสั่งให้โรงเรียนเปิดกว้างนักเรียนชุมนุมในโรงเรียนและให้แสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ แต่ในทางปฎิบัติครู โรงเรียนกลับไม่เปิดกว้าง ยังมีเด็กอีกหลายคนและในหลายโรงเรียนถูกครูทั้งบังคับให้เขียนเรียงความหากแสดงออกทางการเมือง ไล่ออกจากโรงเรียนไปที่อื่น ดังนั้น การมาเคลื่อนไหววันนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า เด็กยุคนี้ มีความคิด เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ และผู้ใหญ่ควรฟังความคิดเราบ้าง

"ถ้าพัฒนาการศึกษาแล้วไม่สามารถทำให้การศึกษาดีขึ้นควรออกไป เพราะประเทศนี้ เด็กสามารถดูแลตัวเองได้ เหมือนผู้ใหญ่ดูแลได้ไม่ดี ไม่เคยฟังเสียงเด็กพูด จำกัดสิทธิเด็กก็ควรออกไป"ตัวแทนเด็กเลวกล่าว

ขณะที่ ตัวแทนนักเรียนชั้นม.1 จากโรงเรียนย่านราชดำเนิน กล่าวว่าวันนี้มากับเพื่อนทั้งหมด3คนโดยได้เห็นข้อความทางทวิสเตอร์ว่ามีการนัดชุมนุมกันหน้ากระทรวงศึกษาธิการ เพื่อมายื่นข้อเสนอกับทางรมว.ศธ.ในการต่อต้านเผด็จการ ซึ่งพวกเราอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้มาร่วมทำให้ประเทศเจริญมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาได้ติดตามข้อมูลข่าวสารแล้วรู้สึกว่ามีหลายเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล ไม่ชัดเจน ไม่เป็นธรรม ไม่ว่าจะเป็นการอุ้มฆ่า การเลือกตั้ง และหลายๆของนโยบายชุดนี้ก็ไม่มีที่มาที่ไป แม้แต่ตัวรมว.หลายๆ ท่าน พวกเราอยากให้ยุบรัฐบาลชุดนี้ แล้วหารัฐบาลชุดใหม่มาบริหารงาน เพราะต่อให้ได้รัฐบาลชุดใหม่จะเป็นไงในอนาคตไม่รู้ แต่รัฐบาลชุดนี้ ไม่โอเค

ทั้งนี้ กลุ่มนักเรียนได้มีการร้องเพลงแจว และเรียกร้องทั้ง เรื่อง ไม่ต้องการแบบเรียนเหยียดเพศ ปฎิรูปการศึกษา ครูฟังเสียงนักเรียน ไม่จำกัดสิทธิเรื่องตัดผม ชุดนักเรียน พร้อมนักเรียนกล่าวปราศรัย จะลุกขึ้นสู้กับระเบียบและอำนาจมืด และมีการชูสามนิ้ว พูด3ข้อ หยุดคุกคามประชาชน ยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญใหม่

เวลา18.00น. นายณัฏฐพล ได้เดินออกจากสถานที่ชุมชนของนักเรียน กล่าวว่า พร้อมเปิดใจรับฟังปัญหาของนักเรียน และได้แสดงความจริงใจที่เดินไปหากลุ่มนักเรียนที่มาชุมนุมแม้ระหว่างทางจะถูกแรงยั่วยุ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนมาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน เพียงแต่ไม่ได้มีการพุดคุยกับกลุ่มแกนนำ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ที่นักเรียนแสดงความคิดกับต้องการเรื่องการพัฒนาการศึกษามากกว่าเรื่องการเมือง ยินดีที่เด็กๆใส่ใจอนาคตของตัวเอง ทั้งนี้จะมีการเปิดเวทีให้นักเรียนรับฟังผ่านกลไกสภานักเรียน

รวมถึงกำลังหาแนวทางในการให้นักเรียนเสนอแนะความคิดเห็นได้โดยตรงกับตน ส่วนการร่วมรับฟังเวทีใหญ่กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พร้อมตลอดเวลาอยู่ที่แกนนำนักเรียนนักศึกษาจะที่จะความพร้อมที่จะมาพูดคุยหรือไม่  
           

สำหรับข้อเรียกร้องนักเรียนส่วนใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่นักเรียนสนใจการศึกษาชาติ เช่น การเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้เป็นภาษาที่สองใช้อย่างเป็นทางการ การตัดงบประมาณของศธ. การเรียประวัติศาสตร์การเมืองของไทย 14 ตุลา 2516 เป็นต้น ดังนั้นประเด็นเหล่านี้ตนดีใจที่สนใจอนาคตของตัวเอง และสิ่งเรียกร้องนี้ก็ไม่เกินความคาดหมาย ซึ่งหลายเรื่องที่เด็กๆเรียกร้องอยู่ในกระบวนการที่ศธ.กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึงสิทธิเด็กไม่ว่าจะเป็นการตัดผม การแต่งชุดนักเรียน การไว้ผมหน้าม้า ซึ่งรับจะไปปลดล็อคให้

 
“ผมขอให้สัญญากับนักเรียนว่าหลังจากนี้นักเรียนทุกคนที่แสดงออกทางการเมืองจะไม่มีครูหรือโรงเรียนไหนเข้ามาคุกคามนักเรียนอย่างแน่นอน แต่มีสิ่งที่ผมกังวลคือการสื่อสารจากผู้มีอำนาจตัดสินใจไปสู่หน่วยงานผู้ปฎิบัติยังไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร ซึ่งผมจะกำชับเรื่องนี้อีกรอบและหาแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมต่อไป” นายณัฏฐพล กล่าว

ทั้งนี้ วิธีการที่เด็กเป่านกหวีดไล่ตนเหมือนในอดีตที่รมว.ศธ.เคยทำมานั้น มองว่าเด็กได้เห็นวิธีการแบบนี้มาแล้ว หรือการชุมนุมการเมืองที่ฮ่องกง ก็รู้แล้วว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จ แต่ถือว่าเป็นบทเรียนที่เด็กควรหาแนวทางใหม่ๆในการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตย