รองอธิบดีกรมชลฯ ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำ จ.พิษณุโลก
รองอธิบดีกรมชลฯ ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์น้ำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ส่งผลให้น้ำมีปริมาณมาก สั่งเฝ้าระวัง-จับตาหวั่นล้นตลิ่ง คาดมวลน้ำ จะถึงลุ่มเจ้าพระยาภายใน 5-6 วัน
เมื่อเวลา 09.00 น.ของวันที่ 26 ส.ค.63 ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการน้ำในพื้นที่ประตูระบายน้ำคลองบางแก้ว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก หลังจากน้ำจาก จ.สุโขทัย ที่หลากมาจนถึง จ.พิษณุโลกผ่านแม่น้ำยมสายเก่า จนถึงขนาดนี้ ส่งผลให้น้ำมีปริมาณมาก ทางกรมชลประทาน เฝ้าระวังและจับตาหวั่นว่าจะล้นตลิ่ง
ดร.ทวีศักดิ์ เปิดเผยว่าน้ำ ทางกรมชลประทานได้ติดตามสถานการณ์น้ำมาตั้งแต่ จ.แพร่ สุโขทัย อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะมาถึงอ.บางระกำ มวลน้ำก้อนนี้มาจากแม่น้ำยม สาเหตุมาจากช่วงนั้นมีฝนตกภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งแต่ 20-22 มีฝนตกหนักในพื้นที่ จ.แพร่ ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมากลายเป็นมวลน้ำขนาดใหญ่ลงมาที่ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ตรงนี้มีจุดวัดน้ำที่ Y.14 ปกติจะเป็นตัวที่คอยบ่งชี้เป็นตัวบริหารจัดการน้ำของตัวแม่น้ำยมก่อนที่จะเข้า จ.สุโขทัย สำหรับ Y.14 ปีนี้มีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2560-2562 เราได้ติดตามสถานการณ์น้ำที่สถานีวัดน้ำตรงนี้ถึง 1499 ลบ.ม./วินาที มากกว่าปี 2560 เกือบ 400 ล้าน.ลบ.ม.
ทางกรมชลประทาน ได้บริหารจัดการต้องใช้ประตูหาดสะพานจันทร์เป็นด่านหน้า ในการแบ่งปันน้ำ ไว้คอยหน่วง คอยฉุด อย่าให้น้ำเข้าเมือง โดยการแบ่งน้ำเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายมือของแม่น้ำยมจะไปทางคลองหกบาท หรือประตูหกบาท ไป 350 .ลบ.ม.ต่อวินาที จากคลองหกบาทจะผันไปคลองยม-น่าน ก็มีการจัดการจราจรทางน้ำ โดยการลดการระบายน้ำที่เขื่อนสิริกิติ์ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา ลดการระบายจนถึงปิด ตรงนี้น้ำจะไหลไปที่แม่น้ำน่านประมาณ 100 .ลบ.ม./วินาที จาก 350 หายไป 100 จะมีเส้นตรงลงที่คลองยมน่าน(สายเก่า) หรือจุดประตูบางแก้ว 240-250 .ลบ.ม./วินาที แล้วจะแยกไปคลองย่อยลงแม่น้ำน่านอีก ปัจจุบันเราวัดตรงนี้ประมาณ 109 .ลบ.ม./วินาที ก็แสดงว่าลงอีกสาขาหนึ่งไปแม่น้ำน่าน
ส่วนทางฝั่งขวาของทางแม่น้ำยมที่ประตูหาดสะพานจันทร์ก็จะไปที่ประตูน้ำโจนประมาณสัก 10-30 .ลบ.ม./วินาที จะไปที่แก้มลิงทะเลหลวง ขณะที่มวลน้ำจากจังหวัดสุโขทัย เข้าสู่จังหวัดพิษณุโลก มีปริมาณ กว่า 500 ลบ.ม. และแยกไปตามคูคลองน้ำต่างกว่า 150 ลบ.ม.
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวอีกว่า เราจะปล่อยให้ผ่านประตูหาดสะพานจันทร์ก่อนที่จะถึงเมืองไป 800 .ลบ.ม./วินาที แล้วผันออกคลองซ้าย ขวา คลองเล็กคลองน้อย ออกไปประมาณ 170 .ลบ.ม./วินาที จะบังคับไม่ให้เกิน 550 .ลบ.ม./วินาที ที่ Y.4 หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ที่ได้ลงพื้นที่ดูการบริหารจัดการน้ำ ได้มีการจัดตั้งชุดมวลชนสัมพันธ์ ประกอบด้วยหน่วยปกครองท้องที่ ทหาร ตำรวจ ชลประทาน เพื่อลงพื้นที่สร้างความรับรู้ให้กับประชาชนบริเวณ 2 ฝากฝั่งแม่น้ำยมทั้งสายใหม่และสายเก่า เพื่ออธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจและดูแลประตูระบายน้ำต่างๆ
โดยได้รับความความร่วมมือจากประชาชนอย่างดีในทุกทีช่วยกันนำน้ำจากที่ Y.14 ลงมาถึงบ อ.บางระกำ เราจะลำเลียงผ่านมาคลองยม-น่าน แม่น้ำยม คลองต่างๆ มาเจอกันที่ N.67 คือจุดวัดน้ำที่แม่น้ำยมมาบรรจบกับแม่น้ำน่านที่วัดเกยชัยเหนือ ตรงนี้น้ำเริ่มขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าตลิ่งมาก ตรงนี้จะลำเลียงมวลน้ำไม่เกิน 2-3 วัน มวลน้ำจะไปอยู่หน้าเขื่อนเจ้าพระยา เราจะอัดน้ำไว้ไม่ทิ้งลงทะเลเพื่อออกไป 2 ฟากฝั่ง ฝั่งซ้ายคือคลองชัยนาทป่าสัก ลงคลองรพีพัฒน์ แยกใต้ แยกตก ไปที่คลอง 13 จนถึงพระองค์ชลทิศออกไปฉะเชิงเทรา เพื่อให้น้ำประชาชนได้ทำนา ในทุ่งเจ้าพระยาตอนนี้ยังไม่ได้ทำนา 3.54 ล้านไร่ เราจะเอาปริมาณน้ำ 400-500 ล้านลบ.ม. จะได้ไปช่วยในการทำนาปี
ส่วนฝั่งขวามือจะแบ่งน้ำไปที่แม่น้ำน้อย ท่าจีน คลองมะขามเฒ่าอู่ทอง ลำเลียงไปตอนนี้น้ำเริ่มขึ้นแล้ว ติดตามที่เขื่อนเจ้าพระยา ตอนนี้ระดับน้ำ +14.4 ซึ่งสูงขึ้นกว่าเมื่อวานประมาณ 60-70 เซนติเมตร จึงเป็นการบริหารจัดการน้ำตอนนี้ คาดว่าน้ำจาก จ.สุโขทัย จะถึงลุ่มเจ้าพระยาภายใน 5-6 วันนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มวลน้ำก้อนนี้ไม่ได้เปิดลงสู่ทุ่งบางระกำ เพราะสาเหตุอะไร รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ตอนนี้จากการคาดหมายของกรมอุตุนิยมวิทยายังมีร่องความกดอากาศที่ค้างอยู่ ถ้าเราติดตามฤดูกาล ซึ่งฤดูฝนจะติดตามฤดูฝนคาดว่าจะหมดฤดูฝนช่วงกลางเดือนตุลาคม ตรงนี้เราเปิดทุ่งไว้รับน้ำเผื่อน้ำเหนือหลากลงมาอย่างไรก็ตามทุ่งบางระกำต้องมีน้ำแน่นอน สิ่งสำคัญเรายังมีเตรียมรับน้ำหลากไว้ที่บึงบอระเพ็ด ถ้าน้ำหลากมาประชาชนไม่ต้องตกใจ เพราะบึงบอระเพ็ดสามารถเก็บน้ำไว้ได้ 180 ลบ.ม./วินาที ปัจจุบันมีน้ำเพียง 6-7 ล้าน.ลบ.ม เองสามารถจะปัดน้ำเข้าได้อีกปริมาณน้ำหากถึง 800 คิว ก็จะปัดเขาบึงบอระเพ็ดกลายเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ บางระกำก็ต้องมีน้ำเข้าแต่ตอนนี้เราขอชะลอให้เข้าตามธรรมชาติก่อน
ตามแผนตอนนี้คือเรายังไม่ได้ตัดสินใจเพราะยังมีพายุอีกหลายลูกที่จะเข้ามา ตามธรรมชาติของฝนเรายังไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่อย่างไร จึงไม่ไว้วางใจ ส่วนที่ จ.พิจิตร ก็ไม่ได้รับผลกระทบแน่นอน ตอนนี้เราเฝ้าระวังเรื่องฝนตกอย่างเดียว หากมีฝนต้องคอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทางทุ่งเจ้าพระยา ไม่ต้องกังวลไม่กระทบแน่นอน และทางชลประทานมั่นใจว่าสามารถบริหารจัดการน้ำได้แน่นอน แต่การบริหารจัดการต้องได้รับความร่วมมือกับประชาชน ทุกภาคส่วน
สำหรับพื้นที่ภัยแล้งต้องย้อนกลับไปปี 2562 ที่มีฝนตกต่ำกว่าค่าปกติถึงกว่า 10% ทำให้น้ำในเขื่อนเก็กกักในลุ่มเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อย ป่าสัก มีปริมาณน้ำน้อย เราจึงมีวิธีการมาตรการในบริหารจัดการในการใช้น้ำช่วงฤดูฝนคือ 1.ต้องใช้น้ำฝนเป็นหลักในการทำนาปี จึงให้ประชาชนเกษตรกรชะลอการทำนา 2.คือการบริหารจัดการน้ำท่า คือน้ำที่อยู่ในลำน้ำใช้ฝาย ประตู อัดขึ้นซ้ายขวา ตลอดจนป้องกันเรื่องอุทกภัยด้วย สิ่งสำคัญคือเราต้องจัดการให้มีน้ำในการอุปโภค บริโภค กักเก็บน้ำให้มากที่สุดในเขื่อน ในตุ่ม เพื่อใช้ในฤดูแล้งปี 2563/2564