สธ.เผยต้นตอผู้ต้องขังติดโควิด-19

สธ.เผยต้นตอผู้ต้องขังติดโควิด-19

สธ.เผย 2 ข้อสันนิษฐานต้นตอผู้ต้องขังติดโควิด-19ในประเทศ พุ่งเป้าถนนข้าวสาร ส่งรถโมบายตรวจหาเชื้อคนในพื้นที่ เร่งถอดรหัสพันธุกรรมไวรัส หาสายพันธุ์เชื่อมโยงเกิดจากเชื้อหลงเหลืออยู่ในประเทศ-นำเข้า

จากกรณีที่ประเทศไทยพบผู้ต้องขังชาย วัย 37 ปี ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรกหลังจากที่ไม่มีการรายงานพบการติดในประเทศมาเป็นเวลา 101 วัน ซึ่งจากการสอบสวนโรคย้อนหลัง14 วันถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2563 พบประวัติอาศัยอยู่ในคอนโดบ้านสวนพุทธบูชา ทำงานเป็นดีเจร้านอาหาร 3 แห่ง คือ ร้านสามวันสองคืน สาขาพระราม 3 พระราม 5 และเฟิร์ส คาเฟ่ ข้าวสาร ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และเดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดา


ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือโควิด-19 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า จากการระดมข้อมูลและวิเคราะห์ถึงการติดเชื้อของผู้ต้องขังรายนี้ว่าติดจากที่ไหนนั้น มีข้อสันนิษฐานเกิดขึ้นได้ใน 2 ส่วน ได้แก่ 1.อาจติดจากการสัมผัสผู้ที่มาจากต่างประเทศ อาจเป็นไปได้จากการพบเจาอในเวลากลางคืนที่ทำงาน และ2.ติดจากคนในประเทศ โดยเป็นคนมีเชื้อที่ไม่มีอาการ


อย่างไรก็ตาม จากการที่ทราบผลตรวจเชื้อผู้สัมผัสใกล้ชิดขณะนี้เป็นลบ การแพร่เชื้อของผู้ต้องขังรายนี้น่าจะไม่รุนแรง รวมถึง กลุ่มเสี่ยงสูงได้มีการควบคุมในพื้นที่กักตัวแล้ว ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นจากการที่คนไทยให้ความร่วมมือในการปฏิบัติมาตรการป้องกันตนเองใส่หน้ากากอนามัยเมื่อไปในสถานที่ชุมชน ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำสบู่ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ทำให้การแพร่เชื้ออยู่ในอัตราต่ำ และขอความร่วมมือปฏิบัติต่อไป เพื่อที่หากพบผู้ติดเชื้อในประเทศจะเกิดเป็นเพียงกลุ่มเล็กสามารถที่จะควบคุมและจำกัดการแพร่ระบาดได้โดยเร็ว ไม่ขยายวงกว้าง


ส่งรถโมบายคัดกรองข้าวสาร
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ภายในวันที่ 5 ก.ย. 2563 จะมีการนำรถโมบายพระราชทานที่เป็นรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยลงพื้นที่ถนนข้าวสาร เพื่อดำเนินการตรวจหาเชื้อกับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ในการสร้างความมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ อาจจะนำไปตรวจในชุมชนที่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ติดเชื้อด้วย ส่วนประชาชนที่อาจจะมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ที่ผู้ติดเชื้อทำงานหรือเดินทางไป หากสงสัยหรือกังวัลสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองเพิ่มเติม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายประสานสายด่วน 1422

เร่งถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อ
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมได้ดำเนินการนำตัวอย่างเชื้อที่พบในผู้ต้องขังรายนี้ มาถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว เพื่อให้ทราบว่าเชื้อนั้นเป็นสายพันธุ์ใด คาดว่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากทราบว่าผู้ต้องขังรายนี้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาที่กอ่โรคโควิด-19 สายพันธุ์ใด จะทำให้ทราบได้ว่าเป็นการติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศที่เข้ามาอยู่ในประเทศ หรือเป็นการติดเชื้อจากที่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศหลงเหลืออยู่จากการระบาดในประเทศ เนื่องจากการระบาดระลอกที่ 1 ในไทยนั้นส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เอส(S) แพร่ระบาดได้น้อยและอาการค่อนข้างรุนแรง ส่วนที่ระบาดในต่างประเทศเป็นสายพันธ์จี(G)ซึ่งแพร่ระบาดได้มากแต่อาการไม่รุนแรง