ผู้ต้องขังติดโควิด-19 โอกาสแพร่เชื้อต่อต่ำ ไม่เจอกลุ่มก้อน

ผู้ต้องขังติดโควิด-19 โอกาสแพร่เชื้อต่อต่ำ ไม่เจอกลุ่มก้อน

สธ. เชื่อผู้ต้องขังติดโควิด-19 โอกาสแพร่เชื้อต่อต่ำ ไม่ระบาดกลุ่มก้อน ผลตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 ราย ไม่พบเชื้อ

จากกรณีที่ประเทศไทยพบผู้ต้องขังชาย วัย 37 ปี ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรกหลังจากที่ไม่มีการรายงานพบการติดในประเทศมาเป็นเวลา 101 วัน ซึ่งจากการสอบสวนโรคย้อนหลัง14 วันถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2563 พบประวัติอาศัยอยู่ในคอนโดบ้านสวนพุทธบูชา ทำงานเป็นดีเจร้านอาหาร 3 แห่ง คือ ร้านสามวันสองคืน สาขาพระราม 3 พระราม 5 และเฟิร์ส คาเฟ่ ข้าวสาร ต้องขังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง และเดินทางไปขึ้นศาลอาญา รัชดา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019หรือโควิด-19 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการสอบสวนเพิ่มเติมพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงขณะนี้รวม 101 ราย ผลการตรวจเชื้อแล้วเสร็จ 51 ราย ไม่พบเชื้อ อีก 50 รายอยู่ระหว่างรอผลตรวจและติดตามตัว แยกเป็น
1.สมาชิกในครอบครัว 6 ราย ผลเป็นลบ 5 ราย รอตรวจอีก 1 ราย(แม่ภรรยา)
2.ศาลอาญา จำนวน 14 ราย ผลเป็นลบ 10 ราย รอผล 4 ราย
3.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง จำนวน 49 ราย ผลเป็นลบ 36 ราย(ผู้ต้องที่นอนห้องพักเดียวกัน) อีก 13 ราย(เจ้าหน้าที่/อาสาเรือนจำ)นัดตรวจวันที่ 8 และ 16 กันยายน
4.ร้านอาหารสามวันสองคืน 1 ราย รอติดตามตัว (เพื่อนดีเจ)
5.ร้านอาหารสามวันสองคืน สาขาพระราม 5 จำนวน 23 ราย รอผลตรวจ 16 ราย ติดตามตัว 7 ราย
และ6.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จำนวน 8 ราย(ผู้ต้องขังรถคันเดียวกัน) รอผล

“ในภาพรวมถือว่าสามารถติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงได้ครบ ซึ่งผู้ที่ผลการตรวจเป็นลบไม่พบเชื้อได้ให้กักตัวอยู่ในบ้านจนครบ 14 วัน เช่นเดียวกับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเฝ้าระวัง ติดตามทุกวัน หากพบว่ามีอาการไข้ และอาการทางเดินหายใจให้รีบพบแพทย์ ส่วนผู้ที่เดินทางไปร้านสามวันสองคืนและได้สแกนไทยชนะนั้น ระบบได้ส่งคำแนะนำในการปฏิบัติตัวเฝ้าระวังแล้ว ส่วนร้านเฟิร์สคาเฟ่ ไม่ได้ลงทะเบียนไทยชนะ ”นพ.โสภณกล่าว

โอกาสแพร่เชื้อต่อต่ำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีผู้ต้องขังติดโควิด-19 ในประเทศรายนี้มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อต่อไปต่ำใช่หรือไม่ เพราะคนในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่สุดไม่ติดเชื้อ นพ.โสภณ กล่าวว่า ใช่ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้มีโอกาสที่จะรับเชื้อจากคนวัยทำงาน ขณะที่ประเทสไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศต่อเนื่องนาน จึงเป็นไปได้ที่จะติดจากต่างชาติที่มาใช้บริการโดยที่ไม่ได้มีมาตรการป้องกันส่วนบุคคล แต่ผู้ติดเชื้อมีอาการน้อยมาก ไม่มีไข้ ไม่มีไอ มีเสมหะเล็กน้อยเท่านั้น โอกาสที่จะแพร่ะเชื้อต่อก็จะต่ำ เพราะข้อมูลการระบาดในต่างประเทศระบุว่าผู้มีอาการน้อยโอกาสแพร่เชื้อจะน้อย

 ไม่ทำให้ระบาดกลุ่มก้อน
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ตามทฤษฎีจะมีการแพร่เชื้อใน 2 วันก่อนมีอาการ โดยผู้ติดเชื้อรายนี้ มีอาการไม่รุนแรงเพียงแค่มีเสมหะเล็กน้อยในวันที่ 29 ส.ค. ช่วงวันที่จะแพร่เชื้อได้คือ ตั้งแต่ 27 ส.ค. และรายนี้เข้าอยู่ในแดนแยกกักกันของเรือนจำตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค. เพราะฉะนั้น จากผู้คิดเชื้อรายนี้ หากจะมีการติดเชื้อแพร่เป็นกลุ่มก้อนต้องปรากฏออกมาให้แล้ว แต่จากการตรวจหาเชื้อในครอบครัวและผู้ต้องขังที่พักร่วมห้องในระยะจะแพร่เชื้อได้ก็ไม่ติดเชื้อ จึงค่อนข่างวางใจว่ากรณีนี้ไม่น่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนหรือการระบาดวงกว้าง