29 ก.ย.สรุปเยียวยาเด็กผู้ปกครองรร.สารสาสน์ฯ
สช.จัดกรมสุขภาพจิตเช็คสภาพจิตใจเด็กถูกทำร้าย โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เผยโรงเรียนเข้าข่ายผิดหลายเรื่อง ทั้งการรับเด็กห้องEPเกินจำนวน การเรียนค่าธรรมเนียม สั่งผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้งเร่งแก้ไข ขณะที่โรงเรียนประชุมผู้ปกครองสรุปการเยียวยา 29 ก.ย.นี้
ส่งกรมสุขภาพจิต เช็คสภาพจิตใจเด็ก
"ครูทำร้ายเด็ก" ดูจะเป็นปัญหาในระบบการศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน เพราะแม้ในอดีตหลายคนอาจจะเติบโตได้ดิบได้ดี เนื่องจากการถูกไม้เรียวของครู แต่ในปัจจุบันการใช้ไม้เรียว ตีเด็ก ทุบตี ที่กล่าวอ้างว่าเป็นการอบรมสั่งสอนเด็กคงไม่ใช่อีกแล้ว
จากกรณี "จุ๋ม" อดีตครูพี่เลี้ยง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ที่ได้ทำโทษเด็กเกินกว่าเหตุ จนทำให้เกิดความหวั่นวิตกของผู้ปกครองเดินทางไปโรงเรียนเพื่อดูกล้องวงจรปิด รวมทั้ง มีการเปิดข้อมูลจากพ่อแม่ว่าลูกของตัวเองถูกทำร้ายอีกจำนวนหลายกรณี นอกจากนั้น เรื่องอาหารกลางวันของโรงเรียน ครูต่างชาติที่ทำร้ายเด็ก และอีกหลายเรื่อง
วันนี้(28 ก.ย.2563) เวลา 12.00 น.นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมช.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับ ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(กช.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กรมสุขภาพจิต และผู้อำนวยการโรงเรียน ครูและผู้ปกครองที่ลูกถูกทำร้าย ถึงประเด็นครูทำร้ายนักเรียน เพื่อหาแนวทางแก้ไขถึงปัญหา ว่า
ทางกรมสุขภาพจิตจะเข้าไปดูแลสภาพจิตใจนักเรียนที่โดนผู้ช่วยครูทำร้ายเกินกว่าเหตุไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่วนเด็กกลุ่มอื่นๆภายในโรงเรียนมีแนวทางจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อเยียวจิตของนักเรียน
29 ก.ย. ประชุมผู้ปกครองสรุปแนวทางเยียวยา
ส่วนการดำเนินคดีทางอาญากับผู้ช่วยครูเด็กเล็กคนดังกล่าวนั้น ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการต่อไป ซึ่งยืนยันพี่เลี้ยงจุ๋มนั้นทำหน้าที่แค่พี่เลี้ยงเป็นผู้ช่วยครูเด็กเล็กเท่านั้นและมีวุฒิการศึกษาจบชั้นม.3 เพราะในกฎหมายครูพี่เลี้ยงคนดังกล่าวไม่ใช้ครูแต่เรียกติดปากไปเองว่าครูพี่เลี้ยง ส่วนกล้องวงจรปิดทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปขอความร่วมมือให้ส่งข้อมูลฮาร์ดดิสในกล้องระบบกล้องวงปิดทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานในการสืบสวนดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้โรงเรียนต้องปรับการบริหารจัดการใหม่ทั้งงานวิชาการ อาหารกลางวัน และการรับครูเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง รวมถึงขณะนี้โรงเรียนได้มีการตักเตือนผู้ร่วมเหตุการณ์ในคลิปต่างๆหรือมีส่วนในการพาดพิงแล้ว
ทั้งนี้ในวันที่ 29 ก.ย.โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์จะประชุมร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อสรุปความรับผิดชอบจนกว่าผู้ปกครองจะพอใจ อย่างไรก็ตามสช.จะเข้าไปตรวจสอบการดำเนินของโรงเรียนด้วย
ดร.อรรถพล กล่าวว่า สช.ได้กำชับโรงเรียนว่ากล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอไปถือเป็นพยานวัตถุที่สามารถนำสืบทางคดีได้ ดังนั้นโรงเรียนห้ามทำลายหรือลบคลิปวิดีโอออกอย่างเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะมีความผิด ซึ่งต่อจากนี้ไปขอย้ำว่าครูเป็นวิชาชีพที่ถูกควบคุม ดังนั้น ผู้ที่เข้าไปอยู่ในโรงเรียนเอกชนได้ต้องอาศัยหนังสืออนุญาตจากคุรุสภา คือ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหากใครไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราว 2 ปี รวมถึงหากมีนักศึกษาครูฝึกงานจะต้องมีใบอนุญาตปฎิบัติการสอนระหว่างที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตัวจริง
"หากตรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ปล่อยให้ครูที่ไม่มีอนุญาตฯมาสอนผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนจะมีความผิดทางอาญาต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เงินไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจากนี้ไปสช.จะออกแนวปฎิบัติให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศต้องแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูพร้อมเลขที่วันหมดอายุเปิดเผยอย่างสาธารณะ และแขวนไว้บนเว็บไซต์ของโรงเรียนด้วย รวมถึงติดแจ้งแสดงไว้หน้าห้องเรียนแต่ละชั้นเรียนด้วย"ดร.อรรถพล กล่าว
โผล่อีก! รร.ในเครือสารสาสน์ถูกร้องเรียน34แห่ง
นอกจากนี้ยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าโรงเรียนดังกล่าวเปิดรับนักเรียนห้องเรียน English Program (EP) ต่อห้องจำนวน 34 คนซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าเป็นจำนวนรับนักเรียนเกินกว่าที่สช.กำหนดไว้ที่ 25 คนต่อห้อง รวมถึงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนอกเหนือจากค่าเล่าเรียนในห้องเรียน EP ซึ่งถือว่าผิดกฎระเบียบที่สช.กำหนดให้เก็บค่าเล่าเรียนได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงมอบหมายให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) นนทบุรี เข้าไปตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกันที่ผ่านมาสช.ยังได้รับเรื่องร้องเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จำนวน 34 แห่ง จากทั้งหมด 45 แห่งว่ามีปัญหาบูลี่ การทำร้ายร่างกาย การจัดการเรียนการสอน และการเก็บค่าเล่าเรียน
โดยในจำนวนนี้มี 23 แห่งที่มีการเปิดห้องเรียน EP ซึ่งสช.จะลงไปตรวจสอบด้วยว่าโรงเรียนมีการเปิดรับนักเรียนห้องเรียนดังกล่าวเกินกว่าจำนวนที่สช.กำหนดไว้หรือไม่ ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่สช.จะตั้งคณะทำงานเอกซเรย์โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศว่ามีการกระทำความผิดข้อกำหนดของสช.ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ และการบริหารจัดการโรงเรียน
ดร.อรรถพล กล่าวต่อไปว่า โรงเรียนมีความผิดจนต้องถูกปิดโรงเรียนหรือไม่นั้น ถือว่าโรงเรียนเข้าข่ายกระทำความผิดแต่ด้วยกฎระเบียบโรงเรียนเอกชนมีการกำหนดระยะเวลาให้แก้ไขตั้งแต่ระยะเวลา 15 วันไปจนถึง 1 เดือน ซึ่งหากโรงเรียนแก้ไขไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดก็จะมีบทลงโทษต่อไป
ตำรวจชี้ชัด"ทำร้ายเด็ก ผิดคดีอาญา"
พ.ต.ท.มหพล มีเสน รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธร(สภ.)ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี กล่าวว่าขณะนี้เบื้องต้นได้มีการสอบสวนผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายจำนวน 8 รายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยการขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนทั้งหมดมาตรวจสอบ รวมถึงการจะมีการสอบปากคำเด็กที่ถุกทำร้ายร่างกาย โดยจะมีทีมสหวิชาชีพ และผู้ปกครองเข้าร่วมในการสอบสวน เนื่องจากเป็นเด็กเยาวชน และเป็นเด็กเล็กตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนหลังจากนั้นจะเรียกทางพี่เลี้ยงจุ๋ม และผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
นอกจากนั้น ยังมีผู้ปกครองรายอื่นๆ ได้ทยอยขอลงบันทึกประจำวันเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว หากพี่เลี้ยงจุ๋มมีการกระทำความผิดจริง จะถือว่ามีความผิดทางอาญาในข้อหากระทำทำร้ายร่างกาย และจิตใจ ต้องระวางโทษ เพราะเป็นการสร้างความกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก
แพทย์แนะสังเกตเด็กเล็กถูกกระทำรุนแรง
ด้าน นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การสังเกตเด็กเล็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในโรงเรียนนั้น ขอให้ดูอาการของเด็ก โดยอาจจะมีอาการไม่อยากไปโรงเรียนจากที่เคยยอมไปปกติ มีอาการฝันร้ายร้องไห้ตอนกลางคืน เกาะติดพ่อแม่ตลอดเวลาหรือบางคนอาจมีพฤติกรรมเลียนแบบ ใช้ความรุนแรงตามที่ถูกกระทำมา ดังนั้น ผู้ปกครองควรสังเกตอาการของบุตรหลานและนำไปหารือกับผู้ปกครองเด็กคนอื่นๆ ในห้องเรียนเดียวกัน เพื่อหาสาเหตุของพฤติกรรมที่เกิดขึ้น จะได้หาทางแก้ไขได้ทัน
อย่างไรก็ตามบุคคลที่เห็นการกระทำความรุนแรงต่อเด็กหากไม่มีการช่วยเหลือก็จะมีความผิดด้วยในมาตรา 29 ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก