ดึงเทคโนโลยี อัพศักยภาพสาธารณสุขไทย

อันนำสู่การพัฒนาองค์ความรู้ ผลิตภัณฑ์ และการบริการที่ทันสมัย สร้างความรอบรู้สุขภาพ การสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ และการมีส่วนร่วมแบบโปร่งใส ภายใต้ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี

รวมถึง เพื่อเป้าหมายของการ “อยู่ เป็น สุข” และร่วมมือกันผลักดันผลงานวิจัยนวัตกรรม สร้างมูลค่าให้เกิดทรัพย์สินทางปัญญาจากหิ้งสู่ห้าง ยกระดับมาตรฐานการดูแลสุขภาพและการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพตามแผนยุทธศาสตร์ของชาติ Thailand 4.0 ในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

"ดร.ชะนวนทอง ธนสุกาญจน์"  คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่านวัตกรรมด้านสาธารณสุขเป็นทั้งวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ยุคนี้เป็นดิจิตอลเฮลท์ ดังนั้นจึงได้ออกแบบ Health Literacy รวมงานวิจัย ข้อมูลทางการแพทย์ให้ประชาชนที่ชอบเทคโนโลยีสามารถเข้าถึงและนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพได้ ทุกกระบวนการเป็นการนำข้อมูลไปตัดสินใจว่าตัวเอง จะดูแลตัวเองอย่างไร ทุกคนจะมีข้อมูลสุขภาพของตนเอง

ดังนั้นมหาวิทยาลัยต้องเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และผลิตบัณฑิตไ่ม่ใช่เพียงมีความรู้ แต่ต้องเพิ่มรายได้ให้ตนเองทำให้ประชาชนมีเศรษฐกิจ มีสุขภาพที่ดี และสอดรับกับอุตสาหกรรม S-Curve ของประเทศร่วมด้วยการใช้ศูนย์วิจัยอยู่ที่สูงเนินขับเคลื่อนระบบโรงพยาบาลในชุมชน อำเภอ ช่วยให้ผู้คนสามารถควบคุมน้ำตาล และดูแลสุขภาพได้ดีกว่า 80%

"การทำให้คนเข้าใจข้อมูลทางการแพทย์ และรู้ถึงบริบทสุขภาพของตนเอง เข้าใจตัวเองจึงจำเป็น เพราะทุกคนมีข้อมูลตัวเองและข้อมูลทางเลือก มีเครื่องมืออุปกรณ์ดิจิตอลเฮลท์ ทำให้ตัดสินใจวางแผน ก่อนนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นไปตามบริบทชีวิตของคนๆ นั้น"ดร.ชะนวนทอง กล่าว

โดยจะเริ่มจากการสร้างสมาร์ทฟาร์มกลางเมือง หรือปลูกผักบนดาดฟ้า โดยมีการควบคุมการรดน้ำ ด้วยระบบเทคโนโลยีผ่านแอพพลิเคชั่น รวมถึงการจัดตั้งเครื่องมือดิจิตอลแมะเพื่อเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี 

นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับชุมชนสวนเงิน และชุมชนวัดมะกอก พัฒนาเรื่องของหอพัก และอาหาร เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้ตนเองสุขภาพดีและชุมชน ตอบโจทย์เรื่องการดูแลสุขภาพแล้ว ยังเพิ่มรายได้ทางเศรษฐกิจด้วย เพราะเรื่องของสุขภาพและเศรษฐกิจต้องไปควบคู่กัน เป็นการร่วมกันสร้างวิจัย เป็นการยกระดับวงการแพทย์ และ SMEs ในประเทศไทยด้วย

“อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ไม่ใช่เพียงเรื่องร่างกาย แต่ต้องมีการบริการจิตสังคม ให้คนได้รู้ และป้องกันตนเองได้รวมถึงการที่ทุกคนทำเพื่อคนอื่นได้ ไม่ว่าจะด้วยอาชีพอะไร ทุกระบบในสังคมต้องช่วยกันดูแลสุขภาพ หน้าที่ของหน่วยงานทางการแพทย์ รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ต้องเป็นการป้องกันมากกว่ารักษาโรค ล่าสุดร่วมกับบริษัท รีเสิร์ช นำดิจิตอล เทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มเข้ามาช่วยคนเมืองปลูกผักกินเองได้ หรือนำสมาร์ทดิจิตอลเฮลท์ เครื่องดิจิตอลแมะมาช่วยตรวจสุขภาพของคนไทย เก็บสถิติสู่งานวิจัยที่พัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง” ดร.ชะนวนทอง กล่าว

“ภาคภูมิ เพิ่มมงคล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีเสิร์ช เอ็กซ์ จำกัด กล่าวว่าในอดีตที่ผ่านมาอุตสาหกรรมด้านนวัตกรรมการแพทย์ รวมถึงธุรกิจเฮลท์แคร์ จะเน้นการลงทุนวิจัยเกี่ยวกับการรักษา เช่น การลงทุนเรื่องยา วัคซีนประมาณ 80 % และลงทุนการป้องกันเพียง 20 % แต่ตอนนี้สลับกัน เป็นการลงทุนเพื่อการป้องกัน 80 % และการรักษาเพียง 20 % เพราะทุกคนทราบดีว่าไม่มีทางพัฒนายา หรือวัคซีน ให้เท่าทันกับการปรับตัวของโรคต่างๆและตอนนี้มีการดื้อยาเยอะมาก 

ดังนั้น ทุกคนจะมุ่งผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือนวัตกรรม เพื่อการป้องกันเป็นหลัก ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งการดำเนินงานของบริษัท ที่มุ่งการป้องกันโรค เสริมภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ประชาชน โดยมุ่งเน้นการสร้างเสริมงานวิจัย และนำวิจัยเหล่านั้นมาสู่ผลิตภัณฑ์ การบริการที่เกิดขึ้นจริง

"ทุกคนต้องดูแลสุขภาพ ป้องกันตนเอง บริษัทจึงมีแนวทางในการสนับสนุนด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ อันนำไปสู่การสร้างสุขภาพที่ดีให้แก่คนไทย ซึ่งการสนับสนุนให้นักสาธารณสุขมีบทบาทสำคัญในการช่วยแพทย์ ให้ประชาชนดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีขึ้นมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อทุกคนรู้จักตัวเองดี ก็สามารถดูแลตัวเองและผู้อื่นได้ ” ภาคภูมิ กล่าวทิ้งท้าย