กรมควบคุมโรค เตือน 'อาหารเป็นพิษ' จากการกิน 'เห็นพิษ'

กรมควบคุมโรค เผยแพร่ “พยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์” ฉบับที่ 17/2564 ประจำสัปดาห์ที่ 17 (วันที่ 25 เม.ย. - 1 พ.ค. 64) สถานการณ์โรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษ ปี 2564 (วันที่ 1 ม.ค.-18 เม.ย. 64) พบผู้ป่วยแล้ว 38 ราย ใน 16 จังหวัด ไม่มีผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อายุมากกว่า 65 ปี (21.05 %) รองลงมา กลุ่มอายุ 55-64 ปี (18.42 %) และกลุ่มอายุ 35-44 ปี (18.42 %) โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานพบผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากเห็ดพิษเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน 5 ราย ในพื้นที่จังหวัดตรัง

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าจะพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานเห็ดพิษเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกในหลายพื้นที่ ทำให้เห็ดหลายชนิดเจริญเติบโตได้ดี โดยเฉพาะเห็ดป่าในพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งเห็ดป่า มีทั้งเห็ดที่รับประทานได้และเห็ดพิษ โดยมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ เห็ดพิษ ไม่สามารถทำลายพิษได้ด้วยความร้อน ประชาชนจึงควรตระหนักและระมัดระวังในการนำเห็ดป่ามารับประทาน"

• อาการที่สังเกตได้หลังรับประทานเห็ดพิษ

ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดท้อง เป็นตะคริวที่ท้อง ภายใน 6-24 ชั่วโมง หากเกิน 24 ชั่วโมง จะทำให้เกิดภาวะไต/ตับวาย จนทำให้เสียชีวิตได้ กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง หลังรับประทานเห็ด ควรรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ป่วยอาเจียนเอาเศษอาหารที่ตกค้างออกมาให้มาก และทำการช่วยลดการดูดซึม และเร่งขับสารพิษออกจากร่างกายผู้ป่วย

• วิธีปฐมพยาบาล 

1. นำน้ำอุ่นผสมผงถ่าน (activated charcoal) และดื่ม 2 แก้ว โดยแก้วแรกให้ล้วงคอให้อาเจียนออกมาเสียก่อนแล้วจึงดื่มแก้วที่ 2 แล้วล้วงคอให้อาเจียนออกมาอีกครั้ง

2. หากผู้ป่วยอาเจียนออกยากให้ใช้เกลือแกง 3 ช้อนชาผสมน้ำอุ่นดื่ม จะทำให้อาเจียนได้ง่ายขึ้น แต่วิธีนี้ห้ามใช้กับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี แล้วให้รีบนำไปพบแพทย์โดยเร็ว

3. พร้อมทั้งนำตัวอย่างเห็ดและอาหารที่เหลือจากการรับประทานไปเพื่อตรวจวิเคราะห์ด้วย

ทั้งนี้ ขอเตือนประชาชนว่าหากไม่แน่ใจ ไม่รู้จัก หรือสงสัยว่าจะเป็นเห็ดพิษ ไม่ควรเก็บหรือซื้อมาปรุงอาหาร ควรเลือกเห็ดจากแหล่งที่มีการเพาะพันธุ์เพื่อความปลอดภัย หลีกเลี่ยงเห็ดจากธรรมชาติ และควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับเห็ด ประชาชนสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี โทร.1367 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”