เปิดลำดับ 'ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19' กทม. กลุ่มไหนได้ก่อนหลัง ย้ำ! ไม่รับ Walk in

 

อัพเดทสถานการณ์ โควิด-19 โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิด-19 หลังจากบอร์ดวัคซีน ได้ไฟเขียวเปิดช่องให้กลุ่มประชาชนทั่วไปสามารถวอล์คอินเข้ามาฉีดได้ ซึ่งแม้จะดีเดย์ให้เริ่มได้ในเดือนมิ.ย.64 นั้น พบว่า ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่สับสนว่า ตกลงไปได้จริงไหม ต้องลงทะเบียนหรือไม่ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า วอล์คอินไปแล้วจะได้ฉีด?

ในเรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ว่า หลังวันที่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไปวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าก็จะส่งมอบตามสัญญา ตามสัญญาที่ทำไว้กับประเทศไทยในทุกๆเดือนจนครบ 61 ล้านโดส ซึ่งนั่นหมายความว่าจะมีจำนวนวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจึงมีแนวคิดว่าจะให้ประชาชนวอล์คอินเข้าฉีดวัคซีนได้ เริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งขณะนี้ทางกรมควบคุมโรคก็จะไปหาวิธีในการแจ้งประชาชนว่า แต่ละหน่วยจะมีโควต้าให้ประชาชนวอล์คอินได้เท่าไร เพื่อจะได้ไม่มีเสียเวลา

สำหรับการจัดระบบการฉีดวัคซีนในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้น วันที่ 13 พ.ค. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกของกรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผยถึงแนวทางการให้วัคซีนในพื้นที่กรุงเทพมหานครว่า เนื่องจากวัคซีนที่ กทม.ได้รับจัดสรรในช่วงนี้มีปริมาณจำกัด จึงมีการจัดลำดับในการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มจากผู้มีความเสี่ยง ได้แก่ บุคลากรด่านหน้า ที่มีหน้าที่ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค และ กลุ่มอาชีพเสี่ยง

จากนั้นจะเป็นการให้วัคซีนในระยะต่อไปสำหรับกลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และ ผู้สูงอายุที่ได้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ อาทิ หมอพร้อม หรือลงทะเบียนผ่านโรงพยาบาล แล้วจึงจะให้บริการสำหรับประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้กรุงเทพมหานครยังได้พิจารณาให้วัคซีนเร่งด่วนเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดในพื้นที่ที่พบคลัสเตอร์การระบาดหลายชุมชน อาทิ ชุมชนคลองเตยและบ่อนไก่ ซึ่งเป็นมาตรการเชิงรุกตามแผนที่กรุงเทพมหานครแจ้งกับกระทรวงสาธารณสุขไปก่อนหน้า อย่างไรก็ตามหากได้รับการการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติมกรุงเทพมหานครจะเร่งฉีดให้แก่ประชาชนในกลุ่มที่มีความต้องการต่อไป

และเนื่องจากขณะนี้ ได้มีการนำร่องจัดสรรพื้นที่นอกโรงพยาบาลเป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติม เช่น เซ็นทรัล ลาดพร้าว, สามย่านมิตรทาวน์ และเดอะมอลล์ บางกะปิ โดยมีเป้าหมายเปิดรวมทั้งสิ้น 14 จุดนั้น ร.ต.อ.พงศกร เผยว่า ยังเป็นเพียงระยะทดลองระบบ โดย กทม. ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำร่องให้บริการวัคซีนแก่ "กลุ่มเป้าหมาย" ที่ทาง กทม.มีรายชื่ออยู่แล้ว ประกอบด้วย บุคลากรทางการแพทย์ที่ยังตกค้างบางส่วน ครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด่านหน้า เช่น อาสาสมัครสาธารณสุข เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค ทีมที่ต้องเข้าไปดูแลประชาชนในชุมชน พนักงานเก็บขนขยะ และ "ประชาชนกลุ่มอาชีพเสี่ยง"

ในเบื้องต้นจะเน้นไปที่บุคคลที่ต้องทำงานบริการประชาชนและมีความเสี่ยงสูง เช่น พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถประจำทาง แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซต์ รวมถึงคนขับเรือโดยสาร ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก เป็นต้น

สำหรับกลุ่มอาชีพเสี่ยงอื่น ๆ จะได้รับการพิจารณาให้ได้รับวัคซีนในลำดับถัดมา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร โดย กทม.จะประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบเป็นระยะ ตามปริมาณวัคซีนที่ได้รับ

สรุปลำดับก่อน-หลัง การฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.

1. ผู้มีความเสี่ยง บุคลากรด่านหน้า และ การฉีดวัคซีนเร่งด่วนเพื่อคุมการแพร่เชื้อในพื้นที่ระบาด

2. กลุ่มผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และผู้สูงอายุ ที่ได้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ แล้ว อาทิ หมอพร้อม หรือลงทะเบียนผ่านโรงพยาบาล

3. ประชาชนทั่วไปที่เป็น "กลุ่มอาชีพเสี่ยง" เช่น พนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถประจำทาง แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซต์ รวมถึงคนขับเรือโดยสาร ผู้มีอาชีพผู้ดูแลผู้สูงอายุ และเจ้าหน้าที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก เป็นต้น

และย้ำว่า ยังไม่มีการเปิดรับประชาชนทั่วไปที่ walk in เข้ามาที่จุดบริการฉีดวัคซีนฯ

โดยทั้งหมด กทม.ประสานนำรายชื่อจากองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เพื่อเข้ารับการฉีดในจุดฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลทั้ง 14 จุดที่ดำเนินการร่วมกับหอการค้าไทย โดยขึ้นอยู่กับปริมาณวัคซีนที่ได้รับจัดสรร หากมีปริมาณมากจะสามารถให้บริการวัคซีนกับกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ได้มากและรวดเร็วยิ่งขึ้น โดย กทม.จะประชาสัมพันธ์แจ้งให้ทราบเป็นระยะ ตามปริมาณวัคซีนที่ได้รับ

สำหรับการฉีดวัคซีนให้แก่ชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย สำนักอนามัยยังยึดถือแนวทางการให้วัคซีนของรัฐบาลที่กำหนดให้วัคซีนแก่ทุกคนที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่แรงงานต่างชาติที่ทำงานในจังหวัดสมุทรสาครมาแล้ว ในส่วนของกรุงเทพมหานครเมื่อเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนรับวัคซีนแล้วจึงจะเปิดให้แก่กลุ่มชาวต่างชาติต่อไป