คร.แจงปม 'จัดสรรวัคซีน' กทม. อยู่ที่การบริหารกรุงเทพมหานคร

คร.แจงปม 'จัดสรรวัคซีน' กทม. อยู่ที่การบริหารกรุงเทพมหานคร

หลังจากที่ แพทย์หญิงผู้ก่อตั้ง ‘รพ.นมะรักษ์’ โพสเฟซฯ โดนขู่จากประกาศชี้แจ้ง‘เลื่อนฉีดวัคซีน’ โควิด-19 เหตุไม่ได้รับจัดสรร และให้สอบถามรมต.สธ. และมีการปรับข้อมูลในภายหลัง คร.ออกมาแจงว่าการ 'จัดสรรวัคซีน' ในพื้นที่กทม. อยู่ที่การบริหารของกรุงเทพมหานคร

จากกรณี รพ.นมะรักษ์ ได้โพสผ่านหน้าแฟนเพจ ประกาศ เลื่อนฉีดวัคซีน โดยระบุว่า สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ไม่ได้รับการ ‘จัดสรรวัคซีน’ โควิดจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อการฉีดให้กับผู้ลงทะเบียนผ่านระบบ ‘หมอพร้อม’ ในพื้นที่กรุงเทพทั้งหมด สำหรับ รอบวันที่ 14-20 มิถุนายน ทำให้โรงพยาบาลนมะรักษ์ฯ ไม่สามารถ จัดการฉีดวัคซีนให้กับท่านที่มีการจองไว้ในช่วงดังกล่าวได้ ทั้งนี้ หากโรงพยาบาลได้รับการ ‘จัดสรรวัคซีน’ มาเมื่อใด จะได้แจ้งให้ท่านได้รับทราบทางหน้าเว็บไซด์หรือเพจโรงพยาบาลเพื่อมารับการฉีดวัคซีนต่อไป จึงขออภัยทุกท่านมา ณ.โอกาสนี้ สอบถาม 02-7922333 เวลา 09.00 น.- 22.00 น.

โดยลงท้ายระบุว่า หรือติดต่อ "รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข" เพื่อสอบถามสาเหตุความไม่พร้อมของวัคซีน สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง ภายหลัง ได้มีการเปลี่ยนข้อความ ในตอนท้าย โดยระบุว่า ให้ “ติดต่อหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง” แทน

162355744223

1623557362100

  • แจง จัดสรรวัคซีนกทม. เป็นหน้าที่ของกรุงเทพฯ

ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย. นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากการพิจารณาการ 'จัดสรรวัคซีน' เป็นหน้าที่ของทางพื้นที่ หรือจังหวัดนั้นๆ พิจารณา ผ่านคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของแต่ละจังหวัด กรณีนี้อาจทำให้เกิดความสับสน เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการ สธ. ในการจัดสรรรายละเอียดระดับโรงพยาบาล หรือศูนย์ฉีดใดๆ

เพราะรัฐมนตรีฯ จะดูระดับนโยบาย และมอบหมายให้สธ.จัดสรรให้เชิงพื้นที่ โดยเป็นนี้คณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด เช่นเดียวกับกทม. เมื่อจัดสรรให้แล้ว กทม.ก็ไปกำหนดเป้าหมายย่อย หลักๆ คือผู้สูงอายุ และ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรรัง และกลุ่มเป้าหมายอื่นที่มีความสำคัญในพื้นที่ เช่น กลุ่มพื้นที่ระบาด หรือการฉีดให้ครู เพื่อเตรียมพร้อมเปิดเทอม เปิดภาคเรียน เป็นต้น ส่วนกลุ่มอื่นๆ ก็มีลำดับความสำคัญลดหลั่นตามกันไป เพราะเจ้าของพื้นที่จะรู้ดีที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • 'จัดสรรวัคซีน' มอบหน้าที่ชัดเจน

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการ 'จัดสรรวัคซีน' นั้น มอบหน้าที่กันชัดเจน โดยระดับนโยบายประเทศกำหนดการฉีดวัคซีนโควิดตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. - เม.ย.เน้นบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข บุคลากรด่านหน้าดูแลผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย อสม. ฯลฯ ขณะที่เมื่อถึงเดือน มิ.ย. ก็ขยับมากลุ่มเป้าหมายที่สอง คือ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง เพราะมีโอกาสป่วยแล้วรุนแรง จากนั้นก็ขยับตามความสำคัญต่างๆ ควบคู่กันไป

“ดังนั้น เมื่อสธ.ได้รับนโยบายจากรัฐบาล และ ศบค.เห็นชอบ ทางกรมควบคุมโรค ก็จะส่งมอบวัคซีนให้กลุ่มต่างๆ ตามที่แต่ละพื้นที่ได้มีการพิจารณาและเสนอตัวเลขความต้องการวัคซีนเข้ามา อย่างประกันสังคมก็จะได้รับ เพราะมีคลัสเตอร์โรงงานระบาด แต่ทั้งหมดวัคซีนเกือบครึ่งลงกทม. กล่าวคือ มีการ 'จัดสรรวัคซีน' ทั้งหมดให้แต่ละพื้นที่ก่อนวันที่ 7 มิ.ย."

"เพื่อให้ฉีดปูพรมไปแล้วนั่นเอง แยกเป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 3.5 ล้านโดส และวัคซีนซิโนแวคอีก 3 ล้านโดส รวมเดือนมิ.ย.นี้จะมีวัคซีน 6.5 ล้านโดส ซึ่ง 2 สัปดาห์แรกนับตั้งแต่วันที่ 7-18 มิ.ย.มีการจัดสรรวัคซีนแอสตร้าลงไปแล้วราว 2 ล้านโดส เป็นพื้นที่ต่างจังหวัด 1 ล้านโดส และกทม.อีกเกือบ 1 ล้านโดส ส่วนในสัปดาห์ต่อมา คือ ช่วงวันที่ 21 มิ.ย. – 2 ก.ค. 2564 จะได้รับวัคซีนเพิ่มเติมอีก ดังนั้น การฉีดวัคซีนให้ประชาชนจะต้องขึ้นอยู่กับการบริหารของพื้นที่นั้นๆ” นพ.โสภณ กล่าว

 

  • สธ.ดูภาพใหญ่

สำหรับการ 'จัดสรรวัคซีน' ในกทม. นพ.โสภณ กล่าวว่า กทม.เป็นพื้นที่ที่ได้รับวัคซีนมาก โดยก่อนวันที่ 7 มิ.ย. ได้มีการ 'จัดสรรวัคซีน' แอสตร้าฯ ผ่านกรุงเทพมหานคร 3.5 แสนโดส และซิโนแวคอีก 1.5 แสนโดส ส่วนสำนักงานประกันสังคมได้อีกกว่า 3 แสนโดสฉีดกทม.เป็นหลัก และยัง อธิการบดีแห่งประเทศไทยหรือ ทปอ. รวม 11 สถาบันอีกประมาณ 1.5 แสนโดส ก็ได้รับวัคซีนไปเสริมช่วยในพื้นที่กทม. ทั้งหมดเป็นตัวเลขวัคซีนที่ฉีดในช่วง 2 สัปดาห์แรกนับตั้งแต่วันที่ 7-18 มิ.ย. แต่อีกครึ่งเดือนหลังวัคซีนแอสตร้าฯจะมาอีกเพิ่มเติมอีก 1.5 ล้านโดส และซิโนแวคอีก 2 ล้านโดส

“สธ.ดูภาพใหญ่ในการจัดสรรวัคซีนจะได้มาจากตัวเลขที่พื้นที่เสนอขึ้นมาตามสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนด เน้นพื้นที่ระบาดหนักจะได้มากที่สุด ซึ่งเมื่อเราให้พื้นที่ไปแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของพื้นที่หรือจังหวัดนั้นๆ บริหารจัดการ สิ่งสำคัญขณะนี้อยากให้มีการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มที่มีการจองไว้ก่อนแล้ว คือ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงรุนแรงหากได้รับเชื้อ” นพ.โสภณ กล่าว