สธ.เพิ่ม 2 วัคซีนสูตรไขว้ ชงศบค.ปรับลดระดับพื้นที่สีโควิด-19

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 ต.ค.2564 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขกรณีโรคโควิด-19 หรือEOCว่า ที่ประชุมได้รายงานการฉีดวัคซีนโควิด-19ของประเทศไทย สะสมแล้วราว 60 ล้านโดส เป็นไปตามแผนที่วางไว้ภายในสิ้นปี  2564 จะฉีดได้อย่างน้อย 100 ล้านโดส โดยสิ้นเดือนต.ค.จะฉีดได้ราว 75 ล้านโดส
     และอีก 2 เดือนคือ พ.ย.-ธ.ค.ก็จะฉีดได้อีกอย่างน้อย 25 ล้านโดส  ก็จะครอบคลุมประชาการที่ได้รับวัคซีนแล้ว 50 ล้านคน 100 ล้านโดส คิดเป็น 70 %ของประชากรไทย อย่างไรก็ตาม ก็จะพยายามฉีดให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้    และจะมีการบริหารจัดการวัคซีนหลายชนิดที่มีเข้ามาในประเทศไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด 

ทั้งนี้ อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน ได้พิจารณาแนวทางวิชาการแล้วเห็นชอบให้มีการใช้วัคซีนโควิด-19 สูตรไขว้ คือ  วัคซีนชนิดเชื้อตายเข็มแรกตามด้วยวัคซีนชนิดไวรัลแว็กเตอร์ ที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน และอีก 2 สูตร คือ วัคซีนเชื้อตายแข็มแรกด้วยด้วยวัคซีนชนิดmRNA และวัคซีนชนิดไวรัลแว็กเตอร์เข็มแรกตามด้วยวัคซีนชนิดmRNA โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของศบค.ในวันที่ 14 ต.ค.นี้ ก่อนประกาศเป็นนโยบายใช้ทั่วไป

      “การเสนอวัคซีนสูตรไขว้มีงานวิชาการรองรับ และเป็นการใช้วัคซีนให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างการไขว้วัคซีนชนิดไวรัลแว็กเตอร์ตามด้วยชนิดmRNAนั้น เข็ม1และ2ห่างกัน 3-4 สัปดาห์  จะทำให้ใช้ระยะเวลาสั้นลงในการสร้างภูมิคุ้มกัน  เพราะหากเป็นวัคซีนชนิดไวรัล แว็กเตอร์ 2 เข็มจะต้องห่างกันราว 12 สัปดาห์ ขอย้ำว่าวัคซีนที่ผ่านการพิจารณาแล้วไม่ว่าตัวไหนดีทุกตัว หากเข้ารับการฉีดตามที่ได้นัดหมายไว้”นพ.เกียรติภูมิกล่าว
            นพ.เกียรติภูมิ กล่าวด้วยว่า  ในการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 14 ต.ค.นี้ สธ.จะเสนอให้มีการปรับระดับสี ในทิศทางที่ดีขึ้น  โดยจะเสนอลดจำนวนจังหวัดสีแดงเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดลง เช่นเดียวกับ จังหวัดสีแดง พื้นที่ควบคุมสูงสุดจะลดลงด้วย โดยจะไปเพิ่มจังหวัดสีส้ม พื้นที่ควบคุมมากขึ้น แต่ยังมี 3 ระดับสีเหมือนเดิม ซึ่งก็จะมีผลต่อการทำกิจการ/กิจกรรมต่างๆที่จะผ่นคลายมากขึ้น ซึ่งต้องรอศบค.ประกาศ