23 จังหวัด "พื้นที่สีแดงเข้ม" มาตรการ "คลายล็อก" ล่าสุด อะไรเปิดได้-ไม่ได้
ศบค. ปรับระดับสีจังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จากเดิมพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด เหลือ 23 จังหวัด เริ่ม 16 ต.ค. นี้ พร้อม "ปรับมาตรการ" ลดเวลา "เคอร์ฟิว" ขยายเวลากิจการกิจกรรม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และทุกๆ พื้นที่
วันนี้ (14 ต.ค. 64) ที่ทำเนียบรัฐบาล “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงประเด็น การปรับพื้นที่สถานการณ์และปรับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ซึ่งจากอัตราการติดเชื้อในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 3 ส.ค. 64 มีพื้นที่สีแดงเข้ม จาก 29 จังหวัด จะมีการปรับลงมาเหลือ 23 จังหวัด โดยเริ่มในวันที่ 16 ต.ค. นี้ พื้นที่ควบคุมสีแดง จาก 37 จังหวัด เหลือ 30 จังหวัด สีส้ม พื้นที่ควบคุม จาก 11 จังหวัด เป็น 24 จังหวัด ส่วนพื้นที่สีเหลือง และ สีเขียวยังไม่มี
- หลักเกณฑ์ในการปรับ
1. ลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวน และความต่อเนื่อง
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวันอย่างน้อย 1 วันใน 1 สัปดาห์ หรือเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ มากกว่า 50 รายต่อวัน
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20 -50 รายต่อวัน
- พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 รายต่อวัน
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 10 รายต่อวัน
- พื้นที่เฝ้าระวัง เป็นพื้นที่ไม่มีผู้ป่วยอย่างน้อย 1 สัปดาห์
2. จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดต่อเนื่อง และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
3. จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย เช่น มีสถานประกอบการ โรงงาน
4. จังหวัดที่ติดกับชายแดน หรือ เคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ (ปรับลดระดับกรณีได้รับวัคซีนมาก)
- "ปรับมาตรการ" พื้นที่สีแดงเข้ม
โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า การปรับมาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ได้แก่ ห้ามออกนอกเคหะสถาน จากเดิม 22.00 – 04.00 น. เป็น 23.00 – 03.00 น. เพื่อให้ผู้ประกอบการณ์โต้รุ่ง ตลาดเช้า ให้กลับมาสู่วิถีชีวิตเดิม
ขณะที่ ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด ตลาดนัด ขยับไปเปิดให้บริการได้ถึง 22.00 น. เปิดบริการเครื่องเล่น สวนสนุกได้ แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด / กทม.
ธุรกิจที่กำหนดเวลา เช่น โรงหนัง สามารถเปิดได้ถึง 22.00 น. แต่เน้นย้ำเรื่องการป้องกันโรค
สถานดูแลผู้สุงอายุ แต่เดิมให้เฉพาะผู้อยู่ประจำ เปลี่ยนเป็น รับผู้ที่เดินทางไปกลับได้ แต่ต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดด้วย มีการสุ่มตรวจ ATK
ระบบขนส่งสาธารณะ แต่เดิมให้ความจุ 75% ปรับเพิ่มได้ แต่ต้องดูความสามารถของยานพาหนะ
ขณะที่ ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่จัดประชุม ในช่วงฤดูหนาว จะเป็นที่มาของการจัดงาน แต่งงาน เลี้ยงสังสรรค์ ตามประเพณี เปิดได้ จำกัดไม่เกิน 500 คน เว้นระยะห่าง จัดเลี้ยงอาหารแยกชุด ไม่ปนเปื้อน สวมหน้ากากอนามัย ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง และเปิดดำเนินการไม่เกิน 22.00 น. แต่ต้องขออนุญาตคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด / กทม. กรณีที่จัดงานเกิน 50 คน
- ปรับมาตรการ ทุกพื้นที่
โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สำหรับ การ ปรับมาตรการ กิจการกิจกรรมในทุกพื้นที่ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอล เครื่องเล่น ตู้เกม เปิดได้แล้ว แข่งรายบุคคล หรือเป็นคู่เท่านั้น ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดยังไม่อนุญาตให้เปิด สวนน้ำ สวนสนุก ทุกพื้นที่ยังไม่เปิด ขณะที่ สนามกีฬาเปิดได้ ขยายเวลา 22.00 น. เรื่องของการจัดกิจการรวมกลุ่ม ขยายจำนวนคนได้ ตามระดับของพื้นที่ แต่ต้องยึดหลักการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล
สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ยังไม่ให้เปิด ยังต้องขอให้มีการเตรียมการไว้ก่อน พื้นที่สะอาด โปร่งโล่ง ทำมาตรการภายในเตรียมไว้ ในเดือนถัดๆ ไปจะมีการเร่งรัดมาตรการให้มีการเปิดดำเนินการเช่นกัน แต่ ณ ตอนนี้ความเสี่ยงสูง ขอให้เป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงภายในกิจการของท่านเองด้วย
- แนะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด
สิ่งที่ทาง ผอ ศปก.ศบค. ห่วงใยคือการปรับมาตรการ สิ่งสำคัญ คือ ความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ผู้ประกอบการ ภาครัฐ สามส่วน หากได้กำกับติดตามอย่างใกล้ชิดเราจะมีสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมในการดำเนินกิจการกิจกรรม และเหมาะสมสำหรับอยู่กับโควิด
"จะเห็นว่าวันนี้โควิดยังเป็นหมื่นแต่เรามีวิธีการที่จะอยู่กับเขาได้ ท่านเองก็ไม่ติดเชื้อ เราต้องไม่ติดเชื้อ กิจการกิจกรรม ทำให้คนที่เข้ามาในกิจการไม่ติดเชื้อ และหากดำเนินการแล้วไม่ได้ผลดี ก็ถูกสั่งปิดได้เหมือนเดิม เป็นสิ่งที่ขอให้รับทราบความเข้าใจตรงนี้" โฆษก ศบค. กล่าว