สธ.พร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19เข็ม4 พอใจ 10 วันเปิดประเทศ อัตราติดเชื้อต่ำ
“อนุทิน”พอใจภาพรวมเปิดประเทศ 10 วัน เผยสธ.พร้อมฉีดวัคซีนโควิด-19เข็ม 4 คนที่จำเป็น อัตราติดเชื้อของคนเดินทางเข้าไทย 0.07 % ต่ำกว่าในประเทศอยู่ที่ 0.2 % ลุยทำแผนรับมือโควิด-19รายจังหวัด สอดคล้องเหมาะสมบริบทแต่ละพื้นที่
เมื่อเวลา 9.00น. วันที่ 10 พ.ย.2564 ที่โรงแรมริชมอนด์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเตรียมความพร้อมการเปิดประเทศ และรองรับการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 : ภาคกลาง เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้นำไปพัฒนาแผนปฏิบัติการฯ ของแต่ละจังหวัดว่า โรคโควิด-19 มีการแพร่ระบาดมานานกว่า 2 ปี สถานการณ์ในประเทศไทยขณะนี้มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่คงที่ต่อเนื่อง ผู้ป่วยอาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตลดลง ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ถือเป็นนโยบายแห่งชาติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ฟื้นฟูความเป็นอยู่ของประชาชนให้กลับคืนมาใกล้เคียงกับภาวะปกติอย่างสมดุลกับความมั่นคงทางสาธารณสุข และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนในประเทศ รวมถึงผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน มุ่งตามกลยุทธ์ด้านสาธารณสุข 5 ข้อ คือ 1.การเปิดประเทศอย่างปลอดภัย 2.การเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มเสี่ยง/ สถานที่เสี่ยง/กลุ่มเปราะบาง 3.การเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข 4.การพัฒนาระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารความเสี่ยง และ 5.การสร้างกลไกการบริหารจัดการแบบบรูณาการ
สธ.ได้วางแผนรองรับนโยบายแห่งชาติ ภายใต้มาตรการ 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค ก่อนเดินทาง ผู้เดินทางต้องเตรียมหลักฐานการฉีดวัคซีน/ประกันสุขภาพ วงเงินไม่น้อยกว่า 50,000 USD/ ผลตรวจหาเชื้อโควิด 19 ไม่เกิน 72 ชม. ก่อนเดินทาง/ หลักฐานการจองที่พัก/ บันทึกข้อมูลใน Thailand Pass และเมื่อมาถึงประเทศไทย ต้องตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ด้วยวิธี RT-PCR และครั้งที่ 2 ด้วยชุดตรวจ ATK ด้วยตนเองเมื่อมีอาการ หรือในวันที่ 6-7, ด้านการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับตรวจหาเชื้อโควิด 19 ในผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ ด้วยวิธีที่แม่นยำ หากพบการติดเชื้อ ต้องเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที
ด้านมาตรการ COVID Free Setting สถานประกอบการต้องให้บริการบนพื้นฐานความปลอดภัย ตามแนวทางที่วางไว้, ด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ปรับรูปแบบการรักษาเข้าสู่การแพทย์วิถีใหม่ ป้องกันการติดเชื้อในสถานพยาบาล และด้านการสำรองเวชภัณฑ์และการส่งกำลังบำรุง สามารถจัดหายาและเวชภัณฑ์เพิ่มเติมต่อเนื่องตลอดเวลา ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ ควบคู่กับความมั่นคงด้านสาธารณสุข สามารถ “เปิดบ้าน เปิดเมือง เปิดใจ เปิดประเทศด้วยความปลอดภัย”
นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หลังเปิดประเทศภาพรวมดี สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวหรือผู้เข้าประเทศ ได้ใช้มาตรการการคัดกรองการตรวจ ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่าดี มีขลุกขลักนิดหน่วยเรื่องความรวดเร็วก็ดำเนินการแก้ไข หามาตรการที่ทำให้เกิดความเร็วขึ้น โดยหาวิธีที่จะดูว่าเรื่องหลักฐานต่างๆที่ผู้เดินทางนำมาแสดง ถ้าดูแล้วว่าพิสูจน์ความแท้ได้ก็จะทำให้เกิดความรวดเร็ว
“ประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนโควิด-19สะสมไปแล้วกว่า 80 ล้านโดสแล้ว จากเป้าหมายแรกที่กำหนดฉีดให้ได้ 100 ล้านโดส ก็เท่ากับฉีดไปได้กว่า 80% ของเป้าหมายแล้ว และหากประชาชนยังมีความประสงค์จะรับวัคซีนต่อเนื่อง ประเทศไทยเรารัฐบาลก็มีความพร้อมที่จะจัดวัคซีนนั้นให้กับผู้ที่ต้องการเข้ารับวัคซีนทุกคน นอกจากนี้ ก็พร้อมฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้กับผู้ที่มีจำเป็นด้วย เช่น คนที่ต้องเดินทางไปประเทศที่ยังไม่เปิดรับวัคซีนสูตรไขว้ ก็ต้องฉีดให้เพื่อให้สามารถเดินทางไปยังประเทศนั้นๆ ได้ สามารถไปทำธุรกิจ ประชุม ดูงาน หรือแม้แต่ไปท่องเที่ยว ขอให้แจ้งความจำนง บอกถึงความจำเป็น”นายอนุทินกล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กล่าวว่า ภาพรวมหลังดำเนินการเปิดประเทศมา 10 วันนั้น พบผู้ติดเชื้อประมาณ 0.07% ถือว่าอัตราน้อยกว่าการติดเชื้อภายในประเทศไทยเอง ซึ่งอยู่ที่ราว ๆ 0.20% แต่ที่สำคัญคือ การติดเชื้อเจอได้ แต่อัตราการเสียชีวิตลดลง ซึ่งขณะนี้อัตราการเสียชีวิตในประเทศไทยถือว่าลดลงเรื่อย ๆ เป็นผลมาจากการฉีดวัคซีนมีความครอบคลุมมากขึ้น อีกทั้งในจำนวนคนที่เสียชีวิตนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ดังนั้น ในเดือนธ.ค.นี้จะใช้ยุทธศาสตร์ปูพรมฉีดให้หมดสำหรับคนทุกสัญชาติในแผ่นดินไทย และจากความพร้อมหลายๆ ด้านของประเทศไทย ปัจจัยหลักที่จะทำให้ต้องปิดประเทศอีกคือการกลายพันธุ์ที่มีการระบาดเร็ว วางกว้าง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณ
“เปิดประเทศมา 10 วัน เป็นไปตามแผน และเป็นไปตามการคาดหมาย การควบคุมโรคทำได้อย่างเข้มข้น ใครจะว่าล่าช้า แต่ถือว่าช้าแต่แน่นอน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยจนเกิดการระบาด นี่คือหน้าที่หลักในการควบคุมโรค ไม่ใช่เอาสะดวกอย่างเดียว ก็คำนึงถึงเรื่องนี้คือให้มีความสะดวกระดับหนึ่ง คู่กับการควบคุมป้องกันโรค ต้องให้มีความสมดุลเกิดขึ้น ตอนนี้ก็ถือเป็นช่วงที่ตัดสินใจยาก เพราะถ้าทำแบบนี้ อีกฝั่งหนึ่งก็ไม่ชอบ พอทำอีกแบบ อีกฝั่งก็ไม่ชอบ ดังนั้น ต้องสร้างสมดุล เรียนรู้ มองภาพรวม และจากนี้อาจจะไม่ได้เน้นนโยบายจากส่วนกลางมากนัก แต่จะเน้นการจัดทำแผนปฏิบัติรายพื้นที่ รายจังหวัด เพื่อให้จังหวัดดำเนินการตามความเหมาะสมของบริบทในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมของแต่ละพื้นที่”นพ.โอภาสกล่าว